หน้าแรก สวทช. จัดปฐมนิเทศโครงการไอซีทีเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับชุมชนชายขอบ ปี 2564 ลดเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสเข้าถึงการศึกษาอย่างยั่งยืน
สวทช. จัดปฐมนิเทศโครงการไอซีทีเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับชุมชนชายขอบ ปี 2564 ลดเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสเข้าถึงการศึกษาอย่างยั่งยืน
25 มิ.ย. 2564
0
ข่าวประชาสัมพันธ์

25 มิถุนายน 2564 อาคารสราญวิทย์ ชั้น 6 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จัดพิธีปฐมนิเทศโครงการ   ไอซีทีเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับชุมชนชายขอบ ประจำปี 2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์แบบออนไลน์ขึ้น โดยมีหน่วยงานพันธมิตรทั้งจากภาครัฐและเอกชนร่วมสนับสนุนโครงการฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอนและช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน

ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช ธัชยพงษ์ ที่ปรึกษาอาวุโสผู้อำนวยการ สวทช. และ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี กล่าวว่า โครงการไอซีทีเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับชุมชนชายขอบ เป็นโครงการที่ดำเนินงานตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีความห่วงใยต่อโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในด้านการศึกษา ซึ่งมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ ฯ ร่วมกับ สวทช. ดำเนินโครงการนำร่องการบริหารระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และไอซีทีเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับชุมชนชายขอบ ค้นหาแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศอย่างเป็นระบบ โดยจุดเริ่มต้นโครงการมาจากพระราชกระแสว่า โรงเรียนในพื้นที่ชายขอบยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ซึ่งเมื่อเขามีไฟฟ้าใช้จะทำให้มีโอกาสด้านการเรียนมากขึ้น เด็กก็จะมีคอมพิวเตอร์ใช้ มีแท็บเลตใช้ และโรงเรียนก็มีช่องทางสื่อสารกับเรามากขึ้น การสื่อสารที่ดีทำให้สามารถเข้าถึงทรัพยากรต่าง ๆ ทั้งด้านความรู้ ด้านการแพทย์ การอาชีพและอื่น ๆ

ดร.ชฎามาศ  ธุวะเศรษฐกุล  รองผู้อำนวยการ สวทช. และ กรรมการและรองเลขาธิการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี กล่าวว่า มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ ฯ และ สวทช. ได้ดำเนินโครงการไอซีทีเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับชุมชนชายขอบฯ มาตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ได้ก้าวสู่ระยะที่ 3 แล้ว มีเป้าหมายเพื่อการออกแบบและติดตั้งระบบผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และระบบโทรมาตร ระบบโทรคมนาคมเพื่อการสื่อสารและระบบแอปพลิเคชั่นเพื่อการจัดการเรียนการสอน มีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 23 แห่ง คือ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน 14 แห่ง ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง จำนวน 8 แห่ง และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 1 แห่ง โดยมีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสนับสนุนการดำเนินงานด้านการบำรุงรักษาระบบผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และระบบโทรมาตร และบริษัทแอดวานซ์ อินโฟว์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ให้การสนับสนุนด้านระบบโทรคมนาคมเพื่อการสื่อสาร

ที่ผ่านมา มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ ฯ ร่วมกับ สวทช. จัดกิจกรรมต่อยอดการใช้ประโยชน์จากระบบไอซีที ที่ได้ดำเนินการติดตั้งแล้วเสร็จ โดยมีเป้าหมายสำคัญ 4 ประการคือ 1. เพื่อการพัฒนาสมรรถนะวิชาชีพครู ตชด. ด้านการประยุกต์ใช้ไอซีที 2. เพื่อพัฒนาทักษะอาชีพด้านการตลาดดิจิทัล (มีพื้นที่นำร่อง 1 แห่ง) 3.เพื่อพัฒนาระบบการให้บริการการพบแพทย์ทางไกล (Telemedicine) และ 4. เพื่อส่งเสริมศักยภาพชุมชนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเรื่อง “การผลิตไฟฟ้าส่องสว่างด้วย LED แบบพึ่งพาตนเอง”

ในปี 2564 นี้ โครงการได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานพันธมิตรเพื่อจัดกิจกรรม ประกอบด้วย กองทุนดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และมูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทยร่วมเป็นคณะทำงาน ให้คำปรึกษาและติดตามผลการดำเนินงานร่วมกันทั้งในรูปแบบออนไลน์และการลงพื้นที่นิเทศติดตาม และเป็นพี่เลี้ยงคอยให้คำปรึกษาตลอดกิจกรรม และแผนการดำเนินงานโครงการตามเป้าหมายที่สำคัญทั้ง 4 ประการ โดยกำหนดจัดกิจกรรมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2564

พลตำรวจโทวิชิต ปักษา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กล่าวว่า โรงเรียนในสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนประสบภาวะความยากลำบากและข้อจำกัดหลายด้านที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพของครู ด้านการจัดการเรียนการสอน และคุณภาพของเด็กนักเรียน ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีตัวอย่างของปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของประเทศไทย  ปัจจุบันมีสถานศึกษาในสังกัดรวมทั้งสิ้น 220 แห่ง กว่าร้อยละ 20 เป็นโรงเรียนที่เดินทางยากลำบากมากไม่สามารถเข้าถึงได้โดยรถยนต์ในทุกฤดู  นักเรียนส่วนใหญ่มีฐานะยากจนด้อยโอกาส และส่วนหนึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยไม่รู้ภาษาไทย จึงเป็นอุปสรรคต่อการจัดการเรียนการสอน ประกอบกับเด็กนักเรียนมักขาดเรียนบ่อยอันมีสาเหตุจากการเดินทางที่ยากลำบากโดยเฉพาะช่วงฤดูฝน มีการอพยพย้ายตามผู้ปกครอง และประสบปัญหาภาวะโภชนาการและสุขภาพอนามัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและการเรียนรู้ของเด็ก อุปสรรคสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การไม่ได้รับงบประมาณสนับสนุนเพื่อการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาที่เพียงพอ เนื่องจากกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนไม่ใช่หน่วยงานหลักในการจัดการศึกษา ครู รร.ตชด.ส่วนใหญ่ไม่มีวุฒิทางการศึกษา หรือไม่ตรงตามสาขาวิชาที่ตนเองสอน

การเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ครูผู้สอนทุกท่านจะได้รับความรู้ ความเข้าใจ และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนสอนได้อย่างเหมาะสม และนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ได้ในเบื้องต้น เป็นการเตรียมตนเองไปสู่การเปลี่ยนแปลงในแบบชีวิตวิถีใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการเรียนการสอนและช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

แชร์หน้านี้: