หน้าแรก อว. โดย สกสว.- สวทช. โชว์วิสัยทัศน์พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็น เรื่อง “Offset Policy เครื่องมือสร้างความสามารถในการแข่งขันของไทยให้สูงขึ้น”

อว. โดย สกสว.- สวทช. โชว์วิสัยทัศน์พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็น เรื่อง “Offset Policy เครื่องมือสร้างความสามารถในการแข่งขันของไทยให้สูงขึ้น”

24 ก.พ. 2568
0
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์

ภาพบรรยากาศการประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็น เรื่อง “Offset Policy เครื่องมือสร้างความสามารถในการแข่งขันของไทยให้สูงขึ้น” โดยผู้บริหารหลายท่านนั่งในห้องบรรยาย

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ห้องคริสตัล 3-4 ชั้น 3 โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย รศ. ดร.นพพร  ลีปรีชานนท์ ​รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เป็นประธานเปิดการประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็น เรื่อง “Offset Policy เครื่องมือสร้างความสามารถในการแข่งขันของไทยให้สูงขึ้น และ รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ บรรยายพิเศษ เรื่อง Offset Policy มาตรการสร้างความร่วมมือและพัฒนาอุตสาหกรรมไทย” และมี ทีมนักวิจัยจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมนำเสนอผลการศึกษา เรื่อง “แนวปฏิบัตินโยบายการชดเชยกับการสร้างความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ อันเกิดจากการจัดซื้อขนาดใหญ่ของภาครัฐ : กรณีศึกษาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และอุตสาหกรรมระบบรางไทย” มีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานวิจัยของภาครัฐ และบริษัทเอกชน ตลอดจนผู้แทนจากหน่วยงานกลางที่ดูแลด้าน พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ เข้าร่วมรับฟัง

ภาพผู้บริหาร 7 ท่าน นั่งบนเวที แสดงความคิดเห็น

รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ ผู้อำนวยการหน่วยภารกิจยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) การพัฒนาเศรษฐกิจไทย สกสว. พูดบรรยาย ภาพบรรยากาศการบรรยายของ รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์
ภาพนาวาเอก ชัยยุทธ์ คลังเงิน รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กรมยุทธการทหารเรือ ร่วมแสดงความคิดเห็น นาวาอากาศเอก สุรพงษ์ ศรีวนิชย์ รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กรมยุทธการทหารอากาศ ร่วมแสดงความคิดเห็น
คุณศมาธร เทียนกิ่งแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิว สเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด ร่วมแสดงความคิดเห็น คุณบุษรา ลำพูน นักวิชาการคลังชำนาญการพิเศษ กองการพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง ร่วมแสดงความคิดเห็น
คุณอดิศร สิงหกาญจน์ วิศวกรอำนวยการศูนย์ซ่อมรถดีเซลรางและรถปรับอากาศ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมแสดงความคิดเห็น คุณดารารัตน์ รัชดานุรักษ์ หัวหน้าโครงการวิจัย สวทช. ร่วมแสดงความคิดเห็น

ภายในงานยังมีการเสวนาพิเศษ เรื่อง “Offset Policy เครื่องมือสร้างความสามารถในการแข่งขันของไทยให้สูงขึ้น โดยมี รศ. ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ ผู้อำนวยการหน่วยภารกิจยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) การพัฒนาเศรษฐกิจไทย สกสว. กล่าวถึงแนวทางการจัดสรรงบประมาณ ววน. และเครื่องมือสร้างแรงจูงใจให้เกิดการกำหนดกิจกรรมชดเชยในโครงการภาครัฐและสนับสนุนผู้ประกอบการเอกชน นาวาอากาศเอก สุรพงษ์ ศรีวนิชย์ รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กรมยุทธการทหารอากาศ บอกเล่าถึงที่มาที่ไป แรงผลักดันในการกำหนด Offset ในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ว่าเป็นเรื่องที่กองทัพอากาศให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด และ นาวาเอก ชัยยุทธ์ คลังเงิน รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กรมยุทธการทหารเรือ บอกเล่าถึงประสบการณ์และแนวทางการใช้ Offset ต่อการสร้างประโยชน์และพัฒนาประเทศ คุณอดิศร สิงหกาญจน์ วิศวกรอำนวยการศูนย์ซ่อมรถดีเซลรางและรถปรับอากาศ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แสดงความเห็นต่อความเป็นไปได้ในการใช้การชดเชยในการจัดซื้อรถไฟ คุณศมาธร เทียนกิ่งแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิว สเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด เน้นย้ำถึงประโยชน์และโอกาสของภาคเอกชนหากรัฐมีการดำเนินนโยบาย Offset อย่างจริงจัง และ คุณบุษรา ลำพูน นักวิชาการคลังชำนาญการพิเศษ กองการพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง กล่าวถึงแผนและแนวทางการผลักดันเรื่องนี้ในอนาคต ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่จะออกเป็นกฎกระทรวงภายใต้กระทรวงการคลัง

รศ. ดร.นพพร ลีปรีชานนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมแสดงความคิดเห็น

รศ. ดร.นพพร  ลีปรีชานนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า นโยบายการชดเชย หรือ Offset Policy เป็นมาตรการกำหนดเงื่อนไขให้โครงการภาครัฐที่ซื้อจากต่างประเทศและมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ต้องกำหนดกิจกรรมการชดเชย ซึ่งที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ประเทศไทยมีนโยบายนี้เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567 และมอบหมาย สกสว.  สอวช. และกรมบัญชีกลาง ไปจัดทำแนวปฏิบัติและยกร่างกฎระเบียบรองรับการดำเนินนโยบาย โดยมี สวทช. เป็นหน่วยศึกษาวิจัย ซึ่งถือเป็นกลไกใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากการที่รัฐต้องลงทุนจัดซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ให้สามารถสร้างความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐให้เกิดประโยชน์ต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเปิดโอกาสให้เอกชนมีโอกาสเข้าร่วมในการเป็นผู้รับการดูดซับความรู้ เทคโนโลยี และกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้โดยตรง เป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่เป็นมาตรการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศสู่ “เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม” มาสร้างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีให้กับอุตสาหกรรมไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยรัฐทำหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุน และเอกชนเป็นผู้เล่นหลักในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจประเทศ

บรรยากาศการบรรยายของ รศ. ดร.นพพร ลีปรีชานนท์

“เรื่องนี้ ได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่จากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ที่ช่วยสนับสนุนในการนำไปออกกฎหมายลำดับรองภายใต้ พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างฯ เพื่อรองรับการขับเคลื่อนกลไกสู่ภาคปฏิบัติ และปลดล็อคปัญหาในการซื้อสินค้าจากต่างประเทศของระบบราชการให้สามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้องตามระเบียบ ตรวจสอบได้ มีความโปร่งใส และปรับเปลี่ยนรูปแบบจากเดิมไทยเป็นผู้ซื้ออย่างเดียว เป็นการเป็นผู้ซื้ออย่างชาญฉลาด สามารถใช้โครงการมูลค่าสูงต่อรองให้เราได้ประโยชน์ในเรื่องที่ไทยมีน้อย หรือยังขาดด้วย ทั้งนี้ สิ่งสำคัญ เอกชนไทย สถาบันวิจัย และมหาวิทยาลัยต้องเร่งพัฒนาตนเอง ซึ่งอาจร่วมมือกันเป็นองคาพยพในการระดมทรัพยากรต่าง ๆ ให้พร้อมเป็นผู้รับการถ่ายโอนในอุตสาหกรรมเป้าหมายและเทคโนโลยีเป้าหมายอย่างเข้มข้นและจริงจังด้วย  ผลจากการศึกษาปรากฏให้เห็นชัดว่า การมีหน่วยทำหน้าที่บริหารจัดการเรื่อง Offset Policy เป็นการเฉพาะเป็นเรื่องที่ประเทศจำเป็นต้องมี เพื่อให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่แก่หน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระบบนิเวศ โดยมีระบบติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลตลอดจนการดำเนินงานแล้วเสร็จ” รศ.ดร.นพพร  กล่าวดร.บัญชา ดอกไม้ และคุณวทัญญู พุทธรักษา นักวิจัยโครงการ สวทช. ร่วมแสดงความคิดเห็น

ดร.บัญชา ดอกไม้ และคุณวทัญญู พุทธรักษา นักวิจัยโครงการ สวทช. กล่าวว่า การประชุมรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ เพื่อนำเสนอผลการศึกษาและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น รับฟังข้อเสนอแนะต่อการจัดทำคู่มือ หลักเกณฑ์ แนวปฏิบัติ และผลการศึกษาศักยภาพของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศไทย ซึ่งพบได้ว่า ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และเข้าข่ายเหมาะสมต่อการใช้นโยบายการชดเชย (Offset) มากที่สุด อันเป็นการสร้างความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณในการยกระดับการพัฒนาประเทศให้มีความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น

คุณดารารัตน์ รัชดานุรักษ์ หัวหน้าโครงการวิจัย สวทช. ร่วมแสดงความคิดเห็น

คุณดารารัตน์ รัชดานุรักษ์ หัวหน้าโครงการวิจัย สวทช. กล่าวว่า จากข้อเสนอผลการศึกษาในโครงการนี้คาดหวังว่า ประเทศไทยจะมีคู่มือแนวปฏิบัติประกอบการดำเนินนโยบายการชดเชย (Offset Policy) ของประเทศ สำหรับการนำไปใช้พิจารณาประกอบการออกกฎ ระเบียบที่มีผลบังคับใช้และปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบ รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐจะมีข้อมูลสถานภาพและศักยภาพของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และอุตสาหกรรมระบบรางไทย

แชร์หน้านี้: