เกษตรแปลงใหญ่เฮ ! ‘ปุ๋ยคีเลตสูตรใหม่’ ใช้งานได้ทั้งโดรนและระบบท่อน้ำ
ปัจจุบันเกษตรกรในหลายพื้นที่ของประเทศไทยเริ่มรวมตัวเป็นกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่เพื่อนำระบบเกษตรอัจฉริยะ เช่น การให้น้ำและปุ๋ยผ่านทางโดรนหรือระบบท่อน้ำมาใช้ทำเกษตรแบบแม่นยำ เพิ่มคุณภาพผลผลิต ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ซึ่งจากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยรวมถึงสารเพิ่มประสิทธิภาพพืชต้องเร่งปรับตัวพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีความเหมาะสมตามไปด้วย เพื่อให้ทุกการลงทุนของเกษตรกรเกิดผลแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย และช่วยยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์สมาร์ตเทคโนโลยี
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) วิจัยต่อยอดเทคโนโลยีการผลิตปุ๋ยคีเลตจากสูตรสำหรับฉีดพ่นสู่สูตรสำหรับใช้งานร่วมกับโดรนและระบบท่อน้ำเพื่อการผลิตพืชเศรษฐกิจไทย โดยได้รับทุนวิจัยจากกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) ซึ่งเป็นการดำเนินงานร่วมระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนไทย

ดร.คมสันต์ สุทธิสินทอง หัวหน้าทีมวิจัยเกษตรนาโนขั้นสูง นาโนเทค สวทช. อธิบายว่า ปุ๋ยคีเลต คือ ธาตุอาหารสำหรับบำรุงและเร่งการเจริญเติบโตของพืชที่ผ่านการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีคีเลชัน (chelation) หรือการห่อหุ้มธาตุอาหารให้อยู่ในรูปที่ไม่มีประจุ เพื่อให้พืชดูดซึมธาตุอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งทางปากใบและราก ลดการสูญเสียธาตุอาหารจากการตกตะกอนในดิน
“ที่ผ่านมาทีมวิจัยได้พัฒนาปุ๋ยคีเลตธาตุอาหารรองและเสริมประเภทห่อหุ้มด้วยสารคีเลตจากธรรมชาติจนประสบความสำเร็จและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ภาคเอกชนเรียบร้อยแล้ว โดยปุ๋ยที่พัฒนาเป็นรูปแบบฉีดพ่นเพื่อให้ธาตุอาหารทางปากใบและราก จุดเด่นของการห่อหุ้มธาตุอาหารด้วยสารคีเลตจากธรรมชาติคือ พืชนำสารห่อหุ้มไปใช้ในการเจริญเติบโตได้ แตกต่างจากสารห่อหุ้มที่เป็นสารสังเคราะห์ที่พืชนำไปใช้ประโยชน์ต่อไม่ได้ จึงช่วยลดทอนส่วนประกอบของปุ๋ยที่ต้องทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างพืชเศรษฐกิจที่เกษตรกรไทยเริ่มนำปุ๋ยชนิดนี้ไปใช้งานแล้ว เช่น ทุเรียน ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง”
หลังจากทีมวิจัยถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้แก่ภาคเอกชน พร้อมทั้งถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์และวิธีการใช้งานปุ๋ยชนิดนี้ให้แก่กลุ่มเกษตรกรเป้าหมาย ทีมวิจัยได้เดินหน้าพัฒนา “สูตรปุ๋ยคีเลตสำหรับใช้งานร่วมกับโดรนและระบบท่อน้ำ” เพื่อสนับสนุนการทำเกษตรแปลงใหญ่ของเกษตรกรไทย
ดร.คมสันต์ อธิบายว่า ในการดูแลเกษตรแปลงใหญ่ เกษตรกรนิยมนำเทคโนโลยี 2 ชนิดมาช่วยลดเวลาและภาระงาน คือ โดรนเพื่อการเกษตรและระบบท่อน้ำ เพราะอุปกรณ์ทั้งสองมีความแม่นยำในการให้น้ำและสารบำรุงพืชสูง อย่างไรก็ตามการให้ปุ๋ยผ่านระบบทั้งสองจำเป็นต้องเลือกใช้ปุ๋ยชนิดที่ผ่านการปรับสูตรอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงอัตราการละลายน้ำและระดับความเข้มข้นในการนำไปใช้ประโยชน์ พืชจึงจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ และช่วยยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์สมาร์ตเทคโนโลยีอีกด้วย ที่ผ่านมาทีมวิจัยจึงได้ดำเนินการพัฒนาสูตรปุ๋ยคีเลตเพื่อใช้งานกับเทคโนโลยีทั้งสองจนประสบความสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันอยู่ในสถานะพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยี
“การให้ปุ๋ยทางโดรนจะเหมาะกับพืชที่มีระดับความสูงของต้นใกล้เคียงกัน ตัวอย่างปุ๋ยคีเลตธาตุอาหารรองเสริมที่ทีมวิจัยพัฒนาจนประสบความสำเร็จคือ ปุ๋ยสำหรับข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ส่วนการให้ปุ๋ยผ่านทางระบบท่อน้ำจะเหมาะกับไม้ยืนต้นที่ส่วนสูงของต้นไม่เท่ากัน ปลูกห่าง หรือปลูกบนพื้นที่ลาดชัน ตัวอย่างปุ๋ยคีเลตธาตุอาหารรองเสริมที่พัฒนา คือ ทุเรียน ลองกอง มังคุด เงาะ ลำไย ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกเพื่อการบริโภคภายในประเทศไทยและส่งออกต่างประเทศมาก”




นอกจากการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปุ๋ยคุณภาพสูงเพื่อยกระดับการเพาะปลูกของเกษตรกรไทยให้เปลี่ยนจากทำมากได้น้อยสู่ทำน้อยได้มากแล้ว อีกหนึ่งประเด็นการวิจัยที่ทีมวิจัยให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือ การนำวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ มาสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) ในประเทศไทย
ดร.คมสันต์ เล่าเสริมทิ้งท้ายถึงเรื่องนี้ว่า ปัจจุบันทีมวิจัยกำลังมีแผนที่จะร่วมกับภาคเอกชนชั้นนำของประเทศไทยพัฒนาเถ้าชีวมวลและเถ้าถ่านหินที่ได้จากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งอยู่ในรูปแบบที่ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช ให้เป็นปุ๋ยคีเลตที่มีแร่ธาตุและประสิทธิภาพในการบำรุงและเร่งการเจริญเติบโตของพืชสูง ซึ่งหากการวิจัยประสบความสำเร็จ เทคโนโลยีนี้จะมีส่วนช่วยลดขยะอุตสาหกรรม เสริมความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่วัสดุเหล่านั้นได้
สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตปุ๋ยคีเลชัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ เบอร์โทรศัพท์ 0 2564 7100
เรียบเรียงโดย ภัทรา สัปปินันทน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์กโดย ภัทรา สัปปินันทน์
ภาพประกอบโดย นาโนเทค สวทช. และ Shutterstock