หน้าแรก ‘อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไทยแข็งแกร่งต้นน้ำถึงปลายน้ำ’ วลีนี้เป็นได้มากกว่าภาพฝัน

‘อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไทยแข็งแกร่งต้นน้ำถึงปลายน้ำ’ วลีนี้เป็นได้มากกว่าภาพฝัน

20 ก.พ. 2568
0
ข่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์
บทความ
ผลงานวิจัยเด่น

‘อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไทยแข็งแกร่งต้นน้ำถึงปลายน้ำ’ วลีนี้เป็นได้มากกว่าภาพฝัน

 

อุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ (semiconductor devices) คือ อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นจากวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ที่มีคุณสมบัติกึ่งนำไฟฟ้า เช่น ซิลิคอน ซิลิคอนคาร์ไบด์ แกลเลียมไนไตรด์ โดยอุปกรณ์เหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ต่าง ๆ เช่น สมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ ทีวีและจอแสดงผล เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน รถยนต์ไฟฟ้า แผงโซลาร์เซลล์ และระบบเครือข่ายการสื่อสาร ด้วยเหตุนี้ประเทศชั้นนำต่าง ๆ ของโลก จึงแข่งขันที่จะเป็นผู้นำด้านการวิจัย พัฒนา และผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ เพราะนั่นหมายถึงการได้ครอบครองส่วนแบ่งในตลาดสำคัญระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึงกว่า 70 ล้านล้านบาทภายในปี 2575 โดยปัจจุบันไต้หวัน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เยอรมนี และจีน เป็นผู้นำของตลาดนี้

 

ภาพวงจรรวม (Integrated Circuit, IC) หรือชิป (chip)
วงจรรวม (Integrated Circuit, IC) หรือชิป (chip)

 

ขณะที่ประเทศไทยคือหนึ่งในประเทศผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ส่วนปลายน้ำ (back-end หรือ downstream) ที่นำเข้าแผ่นเวเฟอร์ (wafer) ที่มีวงจรรวม (Integrated Circuit, IC) หรือที่มักรู้จักกันในชื่อชิป (chip) มาประกอบ ทดสอบ และบรรจุ (Assembly, Testing, and Packaging: ATP) โดยบริษัทที่ให้บริการด้านการประกอบและทดสอบ (Outsourced Semiconductor Assembly and Test, OSAT) ก่อนนำมาประกอบรวมกับส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เป็นแผงวงจรรวม (Printed Circuit Board Assembly, PCBA) และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งออก นอกจากนี้ไทยยังเป็นฐานการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (Hard Disk Drive, HDD) ที่สำคัญของโลกด้วย โดยในปี 2565 ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ส่วนปลายน้ำสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท

 

ภาพแผงวงจรรวม (Printed Circuit Board Assembly, PCBA)
แผงวงจรรวม (Printed Circuit Board Assembly, PCBA)
ภาพฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (Hard Disk Drive, HDD)
ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (Hard Disk Drive, HDD)

 

อย่างไรก็ตามหลายคนอาจยังไม่ทราบว่าในส่วนต้นน้ำ (front-end หรือ upstream) ของอุตสาหกรรม ที่ทำหน้าที่ตั้งแต่ออกแบบไปจนถึงการผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์บนแผ่นเวเฟอร์หรือ wafer fabrication นั้น ประเทศไทยเองก็มีศูนย์วิจัยที่มีบุคลากรศักยภาพสูงทัดเทียมประเทศผู้นำของอุตสาหกรรมนี้ และมีโรงงานผลิตชิปหรือที่เรียกว่าเวเฟอร์แฟบ (wafer fab) ในระดับอุตสาหกรรมเป็นของตัวเองเช่นกัน โดยศูนย์แห่งนั้น คือ ศูนย์เทคโนโลยีไมโครอิเล็กทรอนิกส์หรือ ทีเมค’ (Thai Microelectronics Center, TMEC) หน่วยงานในสังกัดสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

 

ภาพอินโฟกราฟิกนำเสนอภาพรวมของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ว่าในส่วนอุตสาหกรรมต้นน้ำจะประกอบด้วยส่วนออกแบบและผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งประเทศไทยยังคงขาดแคลนแรงงานทักษะสูงที่ปฏิบัติงานในส่วนนี้ได้ ส่วนทางด้านอุตสาหกรรมปลายน้ำ จะประกอบด้วยการนำชิปมาบรรจุ ประกอบเป็นแผงวงจรรวม และทดสอบประสิทธิภาพการใช้งาน ก่อนนำไปประกอบเป็นผลิตภัณฑ์ปลายทาง เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ โดยในส่วนปลายน้ำประเทศไทยมีแรงงานทักษะสูงที่มีความเชี่ยวชาญในการทำงานส่วนนี้ และมีศักยภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

 

‘TMEC สวทช.’ Wafer Fabrication แห่งแรกของประเทศไทย

ดร.นิธิ อัตถิ หัวหน้าทีมวิจัยนวัตกรรมพื้นผิววัสดุและอุปกรณ์ไมโครฟลูอิดิก และปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้จัดการโรงงานผลิตชิปของ TMEC อธิบายว่า TMEC ก่อตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2539 เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ภายใต้การดูแลของ สวทช. บุคลากร TMEC มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านการวิจัย พัฒนา และผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ในระดับอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ในกลุ่ม MtM (More than Moore) หรือ เซมิคอนดักเตอร์ชนิดมุ่งเน้นเพิ่มฟังก์ชันพิเศษในการทำงาน ซึ่งแตกต่างจากอุปกรณ์เซมิคคอนดักเตอร์กลุ่ม MM (More Moore) ที่มุ่งเน้นการลดขนาดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานตามกฎของมัวร์ (Moore’s law)

ภาพ ดร.นิธิ อัตถิ ผู้จัดการโรงงานผลิตชิปของ TMEC สวทช.
ดร.นิธิ อัตถิ ผู้จัดการโรงงานผลิตชิปของ TMEC สวทช.

ภาพบุคลากรทำงานในห้อง clean room ในมือถือแผ่นซิลิคอนเวเฟอร์

ภาพบุคลากรทำงานในห้อง clean room กำลังนั่งพิจารณาแผ่นซิลิคอนเวเฟอร์ในมือ

 

“โรงงานผลิตชิปของ TMEC ประกอบด้วยห้องสะอาด (cleanroom) ระดับ (class) 100 ขนาด 350 ตารางเมตร และระดับ 10,000 ขนาด 650 ตารางเมตร มีเครื่องจักรระดับอุตสาหกรรมจำนวน 1 สายการผลิต สำหรับผลิตชิปบนแผ่นซิลิคอนเวเฟอร์ (silicon wafer) เส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 6 นิ้ว ด้วยเทคโนโลยีการผลิตแบบ CMOS ที่ 500 นาโนเมตร (0.5 ไมครอน) โดยนอกจากการทำหน้าที่วิจัยและพัฒนาอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ชนิดต่าง ๆ เช่น ระบบเครื่องกลไฟฟ้าจุลภาคหรือเมมส์ (Micro-Electromechanical Systems, MEMS) เซนเซอร์ (sensors) อุปกรณ์สารกึ่งตัวนำชนิดกำลัง (power devices) อุปกรณ์ซิลิคอนโฟโตนิกส์ (photonics devices) อุปกรณ์ตัวตรวจจับชนิดซิลิคอน (silicon detector) และอุปกรณ์ไมโครฟลูอิดิก (microfluidics devices) เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญของประเทศไทย เช่น การเกษตร ยานยนต์ การแพทย์แล้ว นักวิจัย TMEC ยังดำเนินการรับจ้างวิจัย พัฒนา และผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ส่วนต้นน้ำให้แก่บริษัทเอกชนชั้นนำจากต่างประเทศมาโดยตลอด โดยขับเคลื่อนธุรกิจผ่านรูปแบบ B2B (Business-to-Business) และสร้างระบบนิเวศให้เกิดการใช้งานของกลุ่มลูกค้าและผู้ใช้ปลายทางเพื่อให้เกิดห่วงโซ่อุปทานแบบ B2C (Business-to-Customer)

“ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่สำคัญ เช่น เมมส์ไจโรสโคป อุปกรณ์เซนเซอร์สำหรับกำหนดตำแหน่งและทิศทางการเคลื่อนไหวของอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สมาร์ตโฟน โดรน, เมมส์ซิลิคอนไมโครโฟน ไมโครโฟนขนาดเล็กประสิทธิภาพสูงสำหรับคอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน และแท็บเล็ต, เมมส์เซนเซอร์วัดแรงดัน สำหรับใช้งานทางการแพทย์ ยานยนต์ และอุตสาหกรรม, เคมีเซนเซอร์และไบโอเซนเซอร์ สำหรับใช้งานทางการแพทย์และการเกษตร, เซนเซอร์ตรวจวัดอนุภาคและรังสีแกมมา เพื่อสนับสนุนการวิจัยทางด้านอวกาศ, อุปกรณ์โฟโตนิกส์ชนิดท่อนำคลื่นซิลิคอน สำหรับระบบการสื่อสารและการส่งสัญญาณความเร็วสูงด้วยแสง, อุปกรณ์ไมโครฟลูอิดิก สำหรับประยุกต์ใช้งานทางการแพทย์, FleXARs (เฟล็กซาส์) ฟิล์มป้องกันการเกาะของสิ่งมีชีวิตบนพื้นผิววัสดุ ที่ประยุกต์ใช้ได้ทั้งงานทางทะเลและการแพทย์”

 

ภาพโดรนกำลังบินเหนืออาคารสูงจำนวนมาก

ภาพมือคนจับสมาร์ตโฟน โดยคนนั้นกำลังเล่นเกมขับรถ

ภาพต้นไม้ที่มีข้อมูลต่าง ๆ ชี้ออกมาจากภาพ โดยข้อมูลเหล่านั้นเป็นข้อมูลที่เก็บด้วยอุปกรณ์เซนเซอร์ เช่น ความชื้น แรงลม ปริมาณแสง

ภาพคนชี้ไปที่สมาร์ตวอชที่ตนสวมใส่ โดยที่สมาร์ตวอชมีข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของคนนั้นขึ้นมา เช่น ปริมาณออกซิเจน อัตราการเต้นของหัวใจ และการแจ้งเตือนการกินยา

 

นอกจากการดำเนินงานข้างต้น TMEC ยังมีพันธกิจสำคัญอื่น ๆ คือ การสนับสนุนการสร้างห่วงโซ่อุปทานและระบบนิเวศสำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่เข้มแข็งและยั่งยืนในประเทศไทย โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรทักษะสูง การให้คำปรึกษาเชิงเทคนิค และการสานสัมพันธ์สร้างเครือข่ายกับศูนย์วิจัยและบริษัทเอกชนชั้นนำจากทั่วโลก เพื่อนำไปสู่การสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำที่เข้มแข็งในประเทศไทยต่อไปในอนาคต

 

TMEC ร่วมวางรากฐานระบบนิเวศในประเทศไทย

ดร.นิธิ อธิบายว่า ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยมีระบบนิเวศของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำที่เข้มแข็งประกอบด้วย 4 เรื่องหลัก เรื่องแรกคือการมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และการมีพันธมิตรด้านเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงที่มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาดและธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ เรื่องที่สองคือการมีกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตที่เชื่อมโยงตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ การสื่อสาร รวมถึงเกษตรและอาหาร เรื่องที่สามคือการมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มีความเสถียรสูง และเรื่องสุดท้ายที่สำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมอย่างยิ่งคือการสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องงบประมาณและนโยบายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินงานภายในประเทศและการสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศเป็นไปได้อย่างราบรื่น สะดวก และรวดเร็ว ช่วยลดต้นทุนด้านเวลาและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน

 

ภาพกลุ่มนักศึกษากำลังจับกลุ่มเรียนรู้ด้วยกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

 

“เพื่อเดินหน้าปิดช่องโหว่และวางรากฐานการเติบโตของระบบนิเวศอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศไทยอย่างมั่นคง ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแห่งชาติขึ้น โดยมีผู้เชี่ยวชาญจาก TMEC เข้าร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่จะบูรณาการความเชี่ยวชาญระหว่างองค์กรในการกำหนดนโยบายและเป้าหมายการพัฒนาอุตสาหกรรม พร้อมร่วมจัดทำแผนแม่บทเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมในทุกมิติ

“นอกจากนี้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ยังร่วมกับสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) สถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษา และบริษัทเอกชนชั้นนำของประเทศไทย จัดตั้ง Higher Education Sandbox หรือแซนด์บ็อกซ์เพื่อการพัฒนาบุคลากรทักษะสูงโดยเฉพาะด้านเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ครอบคลุมตั้งแต่กำลังคนในภาคอุตสาหกรรม นักวิจัย และการผลิตบัณฑิตในระดับปริญญาตรี โท เอก ที่ประเทศไทยยังคงขาดแคลนมาก โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาบุคลากรให้ได้รวม 80,000 คน ภายในระยะเวลา 5 ปี (2566-2570) ซึ่งในส่วนงานนี้ TMEC ได้รับบทบาทที่สำคัญทั้งการร่วมออกแบบแซนด์บ็อกซ์และการร่วมพัฒนากำลังคน”

 

ภาพกลุ่มนักธุรกิจที่มีฉากหลังเป็นแผนที่โลก แสดงถึงความร่วมมือในการทำงานหรือทำธุรกิจใจระดับสากล

 

การวางแผนขับเคลื่อนงานอย่างเป็นรูปธรรมของประเทศไทยครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณดีที่ชี้เห็นว่าการสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดบริษัทชั้นนำของโลกเข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมลงทุน และจัดตั้งโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ส่วนต้นน้ำในประเทศไทยจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

ดร.นิธิ อธิบายต่อถึงประเด็นนี้ว่า ประเทศไทยมีจุดแข็งที่เป็นข้อได้เปรียบสำคัญเช่นกัน ประเด็นแรกคือการมีอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ส่วนปลายน้ำที่เข้มแข็งมาอย่างยาวนาน ประเด็นที่สองคือการมีโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพและเสถียร ทั้งพลังงานไฟฟ้า ระบบน้ำประปา ระบบบำบัดของเสีย และระบบโทรคมนาคม รวมถึงมีเส้นทางคมนาคมและการขนส่งวัตถุดิบและสินค้าที่มีประสิทธิภาพทั้งทางบก ทะเล และอากาศ ซึ่งจะส่งผลดีเรื่องการช่วยลดต้นทุนการผลิตและเป็นข้อได้เปรียบในการดำเนินธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ในภาพรวม อีกทั้งยังมีปัจจัยรองอื่น ๆ ที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทย เช่น ความเป็นมิตรของผู้คน อาหาร และการท่องเที่ยว ที่มีศักยภาพที่จะดึงดูดให้บุคลากรต่างชาติทักษะสูง และมีประสบการณ์การทำงานในบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำระดับโลก มาทำงานและร่วมขับเคลื่อนโรงงานผลิตชิปในประเทศไทยได้

 

ภาพมุมสูงของเส้นทางเดินรถที่เชื่อมต่อกันหลายสายทั้งถนนปกติและทางยกระดับ แสดงให้เห็นถึงเส้นทางการคมนาคมที่มีประสิทธิภาพ สะดวกทั้งการเดินทางและการขนส่งสินค้า

ภาพครอบครัวที่มีวัยทำงานและเด็กกำลังรับประทานอาหารเย็นด้วยกันในตลาด ทุกคนมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มมีความสุขสะท้อนถึงรสชาติอาหารที่อร่อย บนโต๊ะมีอาหารเป็นข้าวต้มกุ๊ย และมีกับข้าวเป็นผัดผักบุ้งไฟแดง ยำไข่เค็ม กุนเชียงทอด และยังมีอาหารอีกหลายชนิดวางอยู่บนโต๊ะ

ภาพนักท่องเที่ยวกำลังเที่ยวทะเลประเทศไทย นักท่องเที่ยวคนนั้นยืนบนหาดทราย แต่งตัวด้วยเสื้อสีขาวและกางเกงขาสั้น สวมใส่หมวกและแว่นกันแดด กำลังมองไปยังน้ำทะเลสีฟ้าใสด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

 

“นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีข้อได้เปรียบด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ CHIPS Act ที่ปัจจุบันประเทศผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ต้องเผชิญกฎหมายสร้างแรงจูงใจให้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์เพื่อสหรัฐอเมริกา ทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายในการลงทุน ณ ขณะนี้ดังที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) รายงานว่า ในปีที่ผ่านมา (2567) มีบริษัทกลุ่ม OSAT ชั้นนำจากไต้หวัน จีน และญี่ปุ่นมากกว่า 50 บริษัท สนใจลงทุนตั้งโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ส่วนปลายน้ำเพิ่มเติมในประเทศไทย”

 

ภาพชิป 2 ตัววางคู่กันบนแผงวงจรรวม ชิปตัวหนึ่งมีลวดลายเป็นธงชาติอเมริกา อีกตัวหนึ่งเป็นลายธงชาติจีน สะท้อนถึงสถานการณ์ CHIPS Act ที่เป็นการแข่งขันกันของสองขั้วอำนาจโลกในปัจจุบัน

 

อย่างไรก็ตามการที่ประเทศไทยจะก้าวไปสู่การเป็นผู้เล่นที่สำคัญของตลาดโลกได้ จำเป็นต้องพิจารณาวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการลงทุนในส่วนของอุตสาหกรรมต้นน้ำ อันประกอบด้วย การสนับสนุนบริษัทสตาร์ตอัปที่รับออกแบบชิป และการลงทุนก้อนโตเพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปเพื่อให้ประเทศไทยมีความสามารถที่จะแข่งขันในตลาดโลก

ดร.นิธิ เสนอทิ้งท้ายว่า จากสถานการณ์ความพร้อมของประเทศไทย รัฐบาล ผู้ประกอบการ หรือนักลงทุน ควรเริ่มการลงทุนหรือสนับสนุนการลงทุนจากการสร้างโรงงานผลิตชิปที่มีห้องสะอาดระดับ 100 เพื่อผลิตอุปกรณ์ประเภท MtM เช่น เมมส์, เซนเซอร์, อุปกรณ์สารกึ่งตัวนำชนิดกำลัง และซิลิคอนโฟโตนิกส์ บนแผ่นเวเฟอร์ขนาด 8 นิ้วชนิดต่าง ๆ เช่น ซิลิกอน ซิลิคอนคาร์ไบด์ แกลเลียมไนไตรด์ก่อน โดยการลงทุนนี้จะใช้งบประมาณที่ประมาณ 5 หมื่นล้านบาทต่อโรงงาน เพราะถึงแม้ปัจจุบันผลิตภัณฑ์กลุ่ม MtM จะมีส่วนแบ่งในตลาดโลกที่ร้อยละ 33 หรือมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 23 ล้านล้านบาท ซึ่งน้อยกว่ากลุ่ม MM แต่ในด้านการลงทุนไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงในระดับเดียวกับบริษัท TSML ของไต้หวัน เช่น ห้องสะอาดระดับ 1 และ 10, เครื่อง EUVL สำหรับสร้างลวดลายจุลภาคขนาดต่ำกว่า 10 นาโนเมตร, เครื่องจักรสำหรับผลิตชิปบนแผ่นเวเฟอร์ขนาด 12 นิ้ว รวมถึงไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงในการเปลี่ยนผ่านเครื่องจักรที่ใช้ผลิตรวดเร็วเหมือนการผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์กลุ่ม MM นอกจากนี้ยังมีความจำเป็นในการต้องใช้บุคลากรทักษะสูงในการดำเนินงานน้อยกว่ามากด้วย

“ตัวอย่างการลงทุนที่สำคัญ เช่น บริษัทเอฟทีวัน คอเปอร์เรชัน จำกัด กำลังมีแผนจัดตั้งโรงงานผลิตชิปกลุ่ม MtM โดยใช้ซิลิคอนคาร์ไบด์เวเฟอร์ผลิตชิปชนิด power devices สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในปี 2570 ซึ่งถือเป็นข่าวดีที่อาจก่อให้เกิดการลงทุนโรงงานผลิตชิปส่วนต้นน้ำอื่น ๆ ทั้งในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public Private Partnership, PPP) และแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture, JV) ในประเทศไทยต่อไป”

 

ภาพแผงวงจรรวมที่มีลวดลายเป็นแผนที่โลกและมีประเทศไทยอยู่ในนั้น สะท้อนถึงหลายประเทศกำลังให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์รวมถึงประเทศไทย

ภาพแผงวงจรรวมที่มีต้นไม้เติบโตอยู่บนชิป สะท้อนถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

 

จะเห็นได้ว่าด้วยปัจจัยความพร้อมที่ประเทศไทยมี การสร้างระบบนิเวศของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ตลอดต้นน้ำถึงปลายน้ำอย่างยั่งยืนจะไม่ใช่ภาพฝันอีกต่อไป ขอเพียงภาครัฐและภาคเอกชนไทยร่วมกันวางแผนกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ และเริ่มเดินหน้าทำตามแผนตั้งแต่วันนี้ ประเทศไทยจะยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในตลาดโลกได้แบบไม่ตกขบวน และนั่นจะก่อให้เกิดการสร้างคน สร้างงาน สร้างรายได้หล่อเลี้ยงประเทศต่อไปในระยะยาว

สำหรับผู้ที่สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TMEC ได้ที่ www.tmec.or.th

 


เรียบเรียงโดย ภัทรา สัปปินันทน์ ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์ สวทช.
อาร์ตเวิร์กโดย ภัทรา สัปปินันทน์

แชร์หน้านี้: