magnify
magnify

Open Knowledge for all 

formats

การใช้ Stem Cell เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ

ปัจจุบัน คลินิกจำนวนมากในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาแอบอ้างว่าสามารถใช้ stem cell รักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและราคาย่อมเยา มีสรรพคุณในการรักษาและต่อต้านริ้วรอยด้วยการเพิ่ม stem cell ในผลิตภัณฑ์ความนิยามการรักษาด้วย stem cell ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้หน่วยงานรัฐบาลของหลาย ๆ ประเทศต้องดิ้นรนในการพัฒนาและปรับปรุงกฎหมายข้อบังคับต่าง ๆ เพื่อให้สามารถรับมือกับเทคโนโลยีเกิดใหม่นี้ สิ่งที่ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนคือ การให้การรักษาด้วย stem cell ส่วนใหญ่เป็นการรักษาภายใต้การทดลองทางการแพทย์ที่ยังต้องมีการตรวจสอบควบ คุมจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการตรวจสอบผลข้างเคียงหลังการรักษา แต่คลินิกหลาย ๆ แห่งกลับประชาสัมพันธ์และให้บริการการรักษาประเภทนี้เช่นเดียวกับการรักษา รูปแบบอื่น ๆ ที่ได้รับการรับรองในวงการแพทย์แล้ว

Read more…– ( 9 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 
formats

นวัตกรรมยานยนต์ยุคอินเทอร์เน็ต

ทุกวันนี้ เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ทุกคนต้องการ การใช้งานที่ไม่สะดุด แม้กระทั่งขณะขับรถ นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่า ภายในปี 2559 ระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและการเข้าถึงข้อมูลออนไลน์เบื้องต้นภายในยานพาหนะนั้น จะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ในตลาดที่เติบโตเต็มที่แล้ว

การมาบรรจบกันอย่างลงตัวของเทคโนโลยีในรถยนต์ กลายเป็นสิ่งสำคัญในยุค Internet of Things (IoT) เมื่อรถยนต์ของเรา สามารถรับและป้อนข้อมูลให้กับระบบคลาวด์ เพื่อส่งต่อไปยังระบบจราจร ยานพาหนะคันอื่น และส่วนอื่นๆ อีกมากมาย

มีรายงานว่า ผู้ผลิตรถยนต์และอินเทล ได้ร่วมมือกัน เพื่อค้นหาแนวทางใหม่ๆ ในการให้ข้อมูล มอบความบันเทิง และสร้างประสบการณ์ในการขับขี่ที่ปลอดภัยและสนุกสนานมากยิ่งขึ้น

อินเทลจะเข้ามาอยู่ในรถ โดยประยุกต์ความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี เพื่อพัฒนานวัตกรรมในแอพลิเคชั่น การให้บริการ และฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย แม้ว่า นวัตกรรมบางอย่างมีอยู่แล้วในยานยนต์ยุคปัจจุบัน แต่การร่วมกันค้นคว้าและพัฒนาของผู้ผลิตรถยนต์ ผู้เชี่ยวชาญจากแวดวงไอที และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน จะช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Read more…– ( 26 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 
formats

จิสด้าเตือนภัยแล้งมาเร็วร้อนนี้กรุงเทพฯ อาจถึง40องศา

วันนี้(18 กพ.57) รายงานข่าวจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือจิสด้า เปิดเผยว่า จิสด้าเป็นหนึ่งในหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในการนำเทคโนโลยีจากดาวเทียมเข้า ช่วยแก้ไขปัญหาภัยแล้งโดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม TERRA / AQUA / MODIS ที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศไทย มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลภูมิสารสนเทศอื่นๆเช่น แผนที่ภูมิประเทศ ข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดิน ธรณีวิทยา อุทกวิทยา และข้อมูลประชากรโดยนำมาวิเคราะห์ในลักษณะระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ทำให้สามารถจำแนกระดับความหนักเบาของภัยแล้งและกำหนดขอบเขตของพื้นที่เสี่ยง ภัยได้อย่างชัดเจน ตลอดจนสามารถวางแผนป้องกันและเตรียมการช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที

สำหรับ สถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้จิสด้า วิเคราะห์แล้วว่าจะมาเร็วกว่าทุกปี เนื่องจากสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยมีอากาศที่หนาวจัดติดต่อกันเป็นระยะเวลา นานภัยแล้ง จึงส่งผลเสียหายต่อพื้นที่การเกษตรและความเป็นอยู่ของประชาชนด้านอุปโภคและ บริโภค

ทั้งนี้ภัยแล้งส่วนมากมักเริ่มเกิดขึ้น ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นผลทำให้พื้นที่การเกษตรในหลายจังหวัดทาง ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มได้รับความเสียหาย ประชาชนประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดังนั้นควรวางแผนการใช้น้ำอย่างประหยัดโดยเฉพาะ การใช้น้ำเพื่อการเกษตรควรใช้น้ำในช่วงเช้าและเย็นเพื่อลดอัตราการระเหยของ น้ำ ตลอดจนขุดลอกคู คลองและบ่อน้ำบาดาล เพื่อเพิ่มปริมาณกักเก็บน้ำ เป็นต้น

นอก จากนี้ยังมีการคาดการณ์แล้วว่าประเทศไทยที่ต้องเจอ ปรากฏการณ์ “เอลนินโญ่”ที่ระดับรุนแรงในรอบ 10 ปีซึ่งจะทำให้เกิดภาวะร้อนและแล้งมากกว่าปีที่ผ่านมาและจะส่งผลให้อุณหภูมิ สูงขึ้นถึง40-42 องศาเซลเซียสในบางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างรวมทั้งกรุงเทพมหานครน่าจะเกิน 40 องศาเซลเซียส ดังนั้น ปีนี้ประเทศไทยต้องเตรียมรับมือกับภาวะร้อนแล้งอย่างแน่นอนผู้สนใจสามารถ ติดตามข้อมูลภัยแล้งได้ที่ http://modis.gistda.or.th/

รายการอ้างอิง :
จิสด้าเตือนภัยแล้งมาเร็วร้อนนี้กรุงเทพฯอาจถึง40องศา. (2557). เดลินิวส์. ค้นเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557. จาก http://www.dailynews.co.th/Content/IT/216933/จิสด้าเตือนภัยแล้งมาเร็ว+ร้อนนี้กรุงเทพฯอาจถึง40องศา.– ( 10 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 
formats

จีนพร้อมผลิตเครื่องบินแล้ว

Comac บริษัทผลิตเครื่องบินสัญชาติจีนที่มีอายุเพียง 5 ปี เตรียมแข่งขันกับ Boeing และ Airbus เป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลจีนก่อตั้งขึ้น โดยการรวมกลุ่มบริษัทการบินที่มีอยู่เดิมเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างเครื่องบินโดยสารที่มีประสิทธิภาพและลดการนำเข้าเครื่องบิน จากบริษัท Boeing และ Airbus ซึ่งครองตลาดการผลิตเครื่องบินมากกว่าร้อยละ 70 ทั่วโลก รัฐบาลจีนได้ทุ่มเงินลงทุนไปแล้วมากกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โครงการนี้ เริ่มจากความจำเป็นในการเดินทางและการเจริญเติบโตของธุรกิจภายในประเทศ ซึ่งบทความในหนังสือพิมพ์ China Daily อธิบายไว้ว่า ในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศจีนได้พัฒนาการคมนาคมเพื่อเชื่อมโยงฝั่งตะวันออกกับตะวันตกของประเทศ โดยระหว่างปี 2011 และ 2015 มีแผนจะสร้างสนามบินใหม่มากกว่า 80 สนามบิน และขยายเพิ่มเติมขึ้้นไปอีกกว่า 100 สนามบิน นอกจากนี้ บริษัท Boeing ได้คาดการณ์ว่า ประเทศจีนจำเป็นต้องซื้อเครื่องบินโดยสารเพิ่มขึ้นจำนวน 5,580 ลำ ภายในปี 2032 หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 780 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อรองรับความจำเป็นดังกล่าว ดังนั้น ประเทศจีนที่มีทุนสำรองเงินตรา ระหว่างประเทศมากกว่า 3.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ จึงสนใจที่จะเสี่ยงลงทุนในการผลิตเครื่องบิน มากกว่าที่จะใช้เงินหลายพันล้านเหรียญเพื่อซื้อเครื่องบินจากสหรัฐฯ หรือฝรั่งเศส

ดูเพิ่มเติมฉบับเต็มได้ที่ http://www.nstda.or.th/nstda-doc-archives/doc_download/1207—-12557

 

 – ( 9 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 
formats

FDA ห้ามใช้ไขมันทรานส์

องค์การอาหารและยาสหรัฐ (Food and Drug Administration: FDA) ได้ประกาศให้นำเอาไขมันทรานส์ (Trans Fat) ออกจากการผลิตอาหารแปรรูป เนื่องจากกังลในความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ไขมันทรานส์ หรือกรดไขมันแปรรูป เกิดจากการนำไขมันไม่อิ่มตัวมาเติมไฮโดรเจน เป็นไขมันที่เพิ่มระดับของคลอเลสเตอรอลตัวร้ายและไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการ Margaret Hamburg กรรมาธิการของ FDA กล่าวว่าการบริโภคไขมันทรานส์ในสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัญหาสุขภาพที่น่ากังวล ซึ่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคได้ประเมินว่า การเอาไขมันทรานส์ออกจากอาหารแปรรูปจะสามารถป้องกันการเกิดหัวใจวายได้กว่า 20,000 รายต่อปี และป้องกันการเสียชีวิตจากโรคทางหัวใจกว่า 7,000 รายต่อปี

Read more…– ( 10 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 
formats

สิงคโปร์เผยปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวเยือนถึง 15.5 ล้านคน

สำนักข่าวไทย นำเสนอข่าวต่างประเทศ

สิงคโปร์ 17 ก.พ. 2014  – การท่องเที่ยวสิงคโปร์แถลงวันนี้ว่า เมื่อปีที่แล้วสิงคโปร์ต้อนรับนักท่องเที่ยวถึง 15.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากเมื่อปี 2555 ถึงร้อยละ 7.2 ขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 23,500 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 608,650 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6
Read more…– ( 9 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 
formats

ชุมนุมแฝดไต้หวัน 451 คู่

สำนักข่าวไทย นำเสนอข่าวต่างประเทศ
ไต้หวัน 17 ก.พ. – ฝาแฝด 451 คู่ ไปรวมตัวในงานรวมคนแฝด ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงไทเปของไต้หวัน  งานนี้จัดโดยรัฐบาลไต้หวัน มีฝาแฝดมาร่วมงานมากถึง 451 คู่ ไม่เพียงแต่แฝดสองเท่านั้น แต่ยังมีแฝดสาม แฝดสี่ รวมถึงฝาแฝดที่เป็นเด็กชาย 5 คนมาร่วมงานด้วย แถมยังแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่เหมือนกัน ทำเอาพ่อแมถึงกับยอมรับว่าแทบแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร แต่ก็มีบางครอบครัวที่บอกว่าแยกลูกฝาแฝดของตนเองได้ไม่มีปัญหา เนื่องจากคนพี่มีส่วนสูงมากกว่าคนน้องนั่นเอง

นอกจากฝาแฝดวัยเด็กที่ดูน่ารักน่าชังแล้ว งานนี้ยังมีฝาแฝดที่เป็นผู้อาวุโสมาร่วมงานด้วย มีอยู่คู่หนึ่งอายุมากกว่า 80 ปี ถือเป็นฝาแฝดอายุมากที่สุดที่มาร่วมงาน

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและชมภาพข่าวได้ที่เว็บไซต์ สำนักข่าวไทย อสมท. -
http://www.mcot.net/site/content?id=53014f65be0470e53b8b45a8#.UwF3nrSDjGg– ( 10 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 
formats

สารคัดหลั่ง

Published on February 18, 2014 by in Health

สารคัดหลั่ง (Body fluid) หมายถึง สารมีลักษณะเป็นของเหลวที่ร่างกายสร้างขึ้น ทั้งเพื่อให้ความชุ่มชื้น เป็นการหล่อลื่น เป็นอาหาร เป็นสารให้ภูมิต้านทาน หรือเป็นของเสียที่ร่างกายต้องกำจัดทิ้ง

Read more…– ( 1717 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 
formats

ผักพื้นบ้าน…ต้านมะเร็ง

อาหาร ถ้าบริโภคถูกหลักถือได้ว่าเป็น “ยาขนานเอก” ที่ช่วยในการบำรุงรักษาร่างกายให้มีภาวะสมดุล เมืองไทยเป็นประเทศที่เรียกได้ว่าโชคดีเป็นที่สุดที่มีผักพื้นบ้านหรือผักริมรั้วที่สามารถกินเพื่อเป็นยาได้อย่างหลากหลาย

ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะได้จัดทำ Infographic แนะนำผักพื้นบ้านไทยที่มีสรรพคุณในการช่วยต้านมะเร็ง หากสามารถรับประทานได้เป็นประจำร่างกายก็จะสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี ผักพื้นบ้านที่แนะนำให้บริโภคเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันช่วยต้านมะเร็ง ได้แก่

 

 

 

 

 

  • เห็ด มีสรรพคุณ เพิ่มภูมิคุ้มกันลดเซลล์มะเร็ง
  • กระเทียม มีสรรพคุณ ยับยั้งการเติบโตของมะเร็งในกระเพาะอาหาร
  • ผักจำพวกกะหล่ำ มีสรรพคุณ ช่วยต้านมะเร็งต่อมลูกหมากและอื่นๆ
  • ถั่ว มีสรรพคุณ ลดการเกิดมะเร็งที่ต่อมลูกหมาย
  • ขิง มีสรรพคุณ ช่วยป้องกันมะเร็ง
  • มะเดื่อหวาน มีสรรพคุณ ฆ่าแบคทีเรียและทำให้เซลล์มะเร็งลดลง
  • ขมิ้นชัน มีสรรพคุณ ป้องกันมะเร็งลำไส้, ลำไส้ใหญ่
  • พริก มีสรรพคุณ ลดการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร
  • มะละกอ มีสรรพคุณ ยับยั้งการเกิดมะเร็งปากมดลูก

แหล่งที่มา :
“หมอยาเภสัช ร้านยาประจำบ้านคุณ : ผักพื้นบ้านไทยต้านมะเร็งได้”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ที่ : https://www.facebook.com/tonydrugstore– ( 19 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments 
formats

พลังวิทย์ คิดเพื่อคนไทย ตอน การพัฒนาพันธุ์ข้าว

กำจัดแมลงศัตรูพืชในนาข้าว http://www.komchadluek.net/

ข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจและเป็นอาหารหลักของคนไทย ข้าวจึงเปรียบเสมือนเป็นหัวใจของประเทศไทย แต่ในการปลูกข้าวนั้นก็ยังมีอุปสรรคมากมาย ทั้งจากภัยธรรมชาติ จากโรค และแมลงศัตรูพืช

ด้วยเหตุนี้ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จึงให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาการปรับปรุงพันธุ์ข้าวมาโดยตลอด เช่น การเข้าร่วมการวิจัยจีโนมข้าวกับทีมวิจัยจากนานาชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 ทำให้ทราบถึงข้อมูลพันธุกรรมจนทำให้สามารถปรับปรุงจนได้พันธุ์ข้าวทนน้ำท่วม ทนดินเค็ม ทนแล้ง และต้านทานโรค เช่น โรคไหม้ โรคขอบใบแห้ง และต้านทานแมลง เช่น เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เป็นต้น

เพื่อให้อุตสาหกรรมข้าวมีความเข้มแข็งและยั่งยืน สวทช.ได้จัดทำกรอบยุทธศาสตร์วิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมข้าวปี พ.ศ.2554-2559 ซึ่งนอกเหนือจากเรื่องพันธุ์ข้าวแล้วยังครอบคลุมไปถึงเรื่องเทคโนโลยีการแปรรูประบบโลจิสติกส์ การกีดกันทางการค้า และสิ่งแวดล้อมด้วย

งานวิจัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม จึงมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนหัวใจของชาติ คือ ข้าว อย่างครบวงจร

– ( 21 Views)

 
 Share on Facebook Share on Twitter Share on Reddit Share on LinkedIn
No Comments  comments