หน้าแรก คลังความรู้ คลังความรู้ นานาสาระน่ารู้ แนวโน้มผู้บริโภคทั่วโลก ปี 2030 (ตอนที่ 1)
แนวโน้มผู้บริโภคทั่วโลก ปี 2030 (ตอนที่ 1)
11 พ.ย. 2562
0
นานาสาระน่ารู้

มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 จะมีประชากรทั่วโลกสูงถึง 8.5 หมื่นล้านคน โดยจะเป็นผู้สูงอายุ (ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป) ประมาณ 1 พันล้านคน หรือคิดเป็น 12% ของประชากรทั้งหมด 

Gabrielle Lieberman, Director of Trends and Social Media Research บริษัท Mintel ได้เสนอ 7 ปัจจัยขับเคลื่อนพฤติกรรมผู้บริโภคในอีก 10 ปีข้างหน้า เพื่อนำไปสู่การออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดย 7 ปัจจัยที่ว่า ได้แก่

  1. คุณภาพชีวิต
  2. สิ่งแวดล้อม
  3. เทคโนโลยี
  4. สิทธิ
  5. เอกลักษณ์
  6. คุณค่า และ
  7. ประสบการณ์

โดยบทความในตอนนี้จะขอนำเสนอ 3 ปัจจัยแรกก่อน ได้แก่ คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม และ เทคโนโลยี

คุณภาพชีวิต

แม้ว่าการดูดีจะมีความสำคัญต่อผู้บริโภคจำนวนมาก แต่การพิจารณาถึงประโยชน์ทางร่างกาย จิตใจและอารมณ์ในระยะยาวกำลังได้รับความสำคัญเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภค ผู้บริโภคจำนวนมากกำลังมองหาวิธีการแก้ปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตแบบองค์รวม โดยคาดการณ์ว่าในอีก 10 ปี ข้างหน้า ระบบอัตโนมัติจะมีอิทธิพลเพิ่มมากขึ้นและสร้างโอกาสสำหรับรูปแบบการทำงานที่ดีต่อสุขภาพ อากาศและน้ำจะกลายเป็นจุดขาย มีการเติบโตของระบบกรองมลพิษภายในบ้านเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวอย่างมีสติและการทำสมาธิจะมีความสำคัญเท่ากับสมรรถภาพทางกาย

สิ่งที่คาดหวังในปี 2030 ได้แก่

  • การพัฒนาหุ่นยนต์ขนาดเล็กเพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามในร่างกาย
  • อากาศสะอาดเป็นจุดขายสำหรับผู้ค้าปลีก บนถนน สถานที่ และอาคารสาธารณะ
  • การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรและการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ จะทำให้เกิดวิธีการใหม่ๆ ในชุมชน ด้วยการแบ่งปันสิ่งอำนวยความสะดวก และทรัพยากรกลายเป็นสิ่งจำเป็น
  • การเป็นเจ้าของยานพาหนะลดลงเนื่องจากพื้นที่ทางกายภาพและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของมลพิษทางอากาศกลายเป็นสิ่งสำคัญ

กลยุทธ์ที่จะประสบความสำเร็จในปี 2030

  • การทำความเข้าใจกับความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคลคือสิ่งสำคัญเนื่องจากผู้คนต่างต้องการหาวิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะ
  • การทำงานร่วมกันของผู้เชี่ยวชาญ แบรนด์ที่ทำหน้าที่เป็นพันธมิตรกับผู้บริโภคจะประสบความสำเร็จ โดยทำให้ผู้บริโภคมีพลังในการตัดสินใจ แบรนด์ต้องเสนอข้อมูลที่ผู้บริโภคต้องการในเวลาที่ต้องการ และการให้คำแนะนำ
  • การใช้ประโยชน์พื้นที่ออนไลน์และออฟไลน์เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้บริโภค

สภาพแวดล้อม

ปัจจุบันผู้คนกำลังทบทวนเกี่ยวกับชุมชน การออกแบบและใช้สอยพื้นที่ในเมือง และการใช้ทรัพยากรร่วมกัน นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ ทำให้ผู้คนมองถึงการสร้างพื้นที่สีเขียวมากขึ้น การแบ่งปันพื้นที่นั่งเล่น ทำงาน เรียนรู้ และพักผ่อนกำลังสร้าง องค์กรชุมชนแกนหลัก (Community-based Organization) และ เทคโนโลยีการสื่อสารที่ดีขึ้นและราคาไม่แพงมากช่วยให้สภาพการทำงานของผู้คนมีความยืดหยุ่น โดยคาดการณ์ว่าในอีก 10 ปี ข้างหน้า หากผู้คนไม่ลดปริมาณการบริโภค ขยะและการใช้พลังงาน พื้นที่ในเมืองก็จะกลายเป็นมลพิษมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ด้วยผู้คนจำนวนมากที่อัดแน่นในพื้นที่ที่ลดน้อยลง ความตึงเครียดทางสังคมจะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการแข่งขันเพื่อเพิ่มทรัพยากร เกิดการแบ่งชนชั้นทางสังคมมากขึ้นและความล้มเหลวในการจัดการกับความจำเป็นในการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและการวางผังเมืองที่ดี

สิ่งที่คาดหวังในปี 2030 ได้แก่

  • ผู้ประกอบการจะสร้างความมั่งคั่งใหม่ในระดับรากหญ้าในท้องถิ่น
  • จริยธรรมทางการเมือง สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเศรษฐกิจ เป็นตัวขับเคลื่อนทิศทางของนวัตกรรม ขณะที่ผู้คนเรียนรู้ที่จะรับมือกับสภาพภูมิอากาศแบบใหม่
  • บ้านสำเร็จรูป ที่เคลื่อนที่ได้ และมีขนาดเล็ก สามารถซื้อหรือเช่า เพื่อการอยู่อาศัยที่มีความยืดหยุ่น
  • พื้นที่สาธารณะเพิ่มขึ้นเนื่องจากถนนมีขนาดเล็กผู้คนเปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น
  • พื้นที่ในท้องถิ่น พื้นที่ธุรกิจขนาดเล็ก พื้นที่ทางการเกษตรแบบแบ่งปัน จะถูกส่งเสริม
  • กลุ่มผลประโยชน์ที่มีใจเดียวกันก่อตัวขึ้นทั่วโลกผ่านทางอินเทอร์เน็ต
  • การปรับปรุงพื้นที่ทั้งในชนบทและในเมืองยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

กลยุทธ์ที่จะประสบความสำเร็จในปี 2030

  • แบรนด์ที่เติบโตขึ้นในปี 2030 จะเป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมเพื่อให้เกิดนวัตกรรมการทำงานร่วมกันในผลิตภัณฑ์และบริการที่นำเสนอโซลูชั่นเพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชนท้องถิ่น
  • ผู้บริโภคจะต้องการสภาพแวดล้อมการใช้ชีวิตในท้องถิ่นที่ดีขึ้นและโอกาสในการพัฒนาทักษะและความคิด แบรนด์ที่จะเติบโตในปี 2030 จะลงทุนในการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาวมากกว่าผลกำไรในระยะสั้น โดยเชื่อมต่อกับชุมชนและทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่มีประสิทธิภาพที่พวกเขาต้องการ
  • ผู้คนจะต้องการสร้างสมดุลระหว่างการทำงาน การเรียนรู้ การเลี้ยงดูครอบครัว และพักผ่อนอย่างยืดหยุ่น แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในปี 2030 จะเป็นแบรนด์ที่สร้างวิธีการทำงานและการขายใหม่ๆ เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการทำงานร่วมกัน สร้างสรรค์ และสื่อสารกับชุมชนที่พวกเขาให้บริการ

เทคโนโลยี

ภายในปี 2030 คาดการณ์ว่าเทคโนโลยี 5G จะเชื่อมโยงอุปกรณ์ 125 พันล้านเครื่อง เทคโนโลยีมือถือจะทำให้เส้นแบ่งระหว่างเวลา การเดินทาง และสถานที่สำหรับการทำงาน การเรียนรู้ และการพักผ่อนจางลง สิ่งนี้จะรวมองค์ประกอบต่างๆ ของความเป็นจริงเสมือนจริง (Virtual Reality หรือ VR) และ ความเป็นจริงเสริม (Augmented Reality หรือ AR) เข้ากับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่นการท่องเที่ยวและความบันเทิง นอกจากนี้ virtual e-sports จะเป็นคู่ต่อสู้ของ physical sports

การออกแบบในเมืองจะถูกขับเคลื่อนโดยระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น โดยใช้ยานพาหนะอัตโนมัติสำหรับการเชื่อมต่อระยะทางไกล มีการพัฒนา App เพื่อการตั้งค่าการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน และเฟอร์นิเจอร์อัจฉริยะจะช่วยให้ผู้คนสามารถสร้างการตั้งที่ชื่นชอบได้ทุกที่เพื่อให้เหมาะกับอารมณ์ ความสะดวกสบาย และนิสัยการบริโภคสื่อของแต่ละบุคคล

บริการที่ผสานกันระหว่างโลกดิจิทัลและโลกแห่งความเป็นจริงเข้าด้วยกันจะเหนือกว่าการค้าปลีกปกติ เนื่องจากธุรกรรมทางการเงินแบบออนไลน์และร้านค้าที่ไม่มีคนควบคุมเต็มรูปแบบ มีการเรียกร้องข้อมูลส่วนบุคคล และมองหาการปฏิสัมพัธ์ระหว่างมนุษย์มากขึ้น

ปัจจุบัน หากแนวทางการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศได้ผล จะช่วยกระตุ้นกิจกรรมในด้านอื่นๆ ที่น่าสนใจร่วมกันทั่วโลก โดยได้รับความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีการสื่อสารที่รวดเร็วมากขึ้น สิ่งนี้จะขยายไปสู่การใช้เทคโนโลยีเพื่อลดช่องว่างระหว่างผู้บริโภคและแบรนด์ ช่วยกระจายความคิดและนวัตกรรม และทำให้เศรษฐกิจมีความเท่าเทียมกันมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้คนจะได้รับความสนใจน้อยลงจากการจ้างงานแบบตายตัวและต้องการโอกาสการทำงานที่เป็นอิสระและที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานลักษณะดังกล่าว

โดยคาดการณ์ว่าในอีก 10 ปี ข้างหน้า สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือกิจกรรมหรือแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศไม่ได้รับแรงกระตุ้นเพียงพอ ส่งผลให้ผู้คนต้องการเทคโนโลยีใหม่เพื่อลดผลกระทบและช่วยให้ตนมีชีวิตอยู่กับผลที่ตามมาได้ ทั้งนี้หนึ่งในผลที่ตามมาคือการลี้ภัยจากสภาพภูมิอากาศซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไม่เท่าเทียมกันมากขึ้น คาดว่าจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดผลกระทบของการย้ายถิ่นและการพลัดถิ่น 

สิ่งที่คาดหวังในปี 2030 ได้แก่

  • เมืองที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการขนส่งแบบอิสระพร้อมด้วยคุณสมบัติ AR ในตัว
  • Media-stream brands
  • Nanobots ทางหลอดเลือดดำ ที่ตรวจสอบการทำงานของร่างกายและความแข็งแรงอย่างต่อเนื่อง
  • App การตั้งค่าภายในบ้าน 
  • เทคโนโลยี 5G ทำให้เส้นแบ่งระหว่างการทำงาน การเรียนรู้ การพักผ่อน และเวลาเดินทางจางลง
  • เทคโนโลยี VR และ AR เป็นบรรทัดฐานสำหรับการท่องเที่ยวและความบันเทิง
  • บริการค้าปลีกออนไลน์สู่ออฟไลน์ (O2O) ที่ไร้รอยต่อ ซึ่ง O2O คือ การตลาดดิจิทัลเพื่ออธิบายระบบที่ชักจูงผู้บริโภคในสภาพแวดล้อมดิจิทัลเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการจากธุรกิจทางกายภาพหรือออฟไลน์ 
  • เทคโนโลยี 5G ทำให้ virtual esports แซงหน้า physical sports ในความนิยม

กลยุทธ์ที่จะประสบความสำเร็จในปี 2030

  • แบรนด์ที่เติบโตขึ้นในปี 2030 จะเป็นแบรนด์ที่คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเหล่านั้นจะนำมาซึ่งความคาดหวังและพฤติกรรมของผู้บริโภค
  • ความคาดหวังและพฤติกรรมของผู้บริโภคจะได้รับการแจ้งที่ดีขึ้นและเรียกร้องมากขึ้น แบรนด์ที่จะเฟื่องฟูในปี 2030 จะไม่รอให้ผู้บริโภคเรียกร้องมากขึ้น แต่แบรนด์ดังกล่าวจะคิดค้นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ากว่า
  • การเปลี่ยนแปลงจะถูกนำไปใช้กับวิธีการทำงาน การเรียนรู้ และการพักผ่อนของผู้บริโภค โดยแบรนด์ที่เติบโตขึ้นในปี 2030 จะเป็นผู้สร้างเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้บริโภคมีความยืดหยุ่นในการผสมผสานระหว่างแง่มุมต่าง ๆ ของชีวิต เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ยังมีอีก 4 ปัจจัยขับเคลื่อนพฤติกรรมผู้บริโภคในอีก 10 ปีข้างหน้า ติดตามอ่านได้ในบทความตอนที่ 2

อ้างอิง

Lieberman, G. (2019). 2030 Global Consumer Trends : Seven core drivers of consumer behaviour that will shape global markets over the next 10 years [presentation].

11 พ.ย. 2562
0
แชร์หน้านี้: