หน้าแรก คลังความรู้ คลังความรู้ นานาสาระน่ารู้ DevOps เพื่อกระบวนการทำงานที่ดีขึ้น
DevOps เพื่อกระบวนการทำงานที่ดีขึ้น
15 พ.ค. 2567
0
นานาสาระน่ารู้

DevOps  เป็นแนวคิดการผสมผสานระหว่าง การพัฒนาซอฟต์แวร์ (Development) และ การดำเนินงานด้าน IT Operations โดยมุ่งเน้นการสร้างกระบวนการทำงานที่ช่วยให้ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์และทีมปฏิบัติการทำงานร่วมกันได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดช่องว่างระหว่างการพัฒนาและการนำซอฟต์แวร์ไปใช้งานจริง และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการส่งมอบซอฟต์แวร์ที่รวดเร็วและมีคุณภาพ

ตัวอย่างของกระบวนการ DevOps มีดังนี้:

  • Planning
    • ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์และทีมปฏิบัติการทำงานร่วมกันเพื่อกำหนดความต้องการทางธุรกิจ กำหนดคุณสมบัติของซอฟต์แวร์ และวางแผนการพัฒนา โดยใช้เครื่องมือช่วยในการจัดการโปรเจกต์ เช่น Jira, Trello หรือ Azure DevOps
  • Development
    • นักพัฒนาเขียนโค้ดและพัฒนาฟีเจอร์ของแอปพลิเคชัน โดยใช้ระบบควบคุมเวอร์ชัน (Version Control) เช่น Git เพื่อเก็บรักษาและจัดการโค้ด
    • เครื่องมือที่ใช้: Git, GitHub, GitLab
  • Testing
    • โค้ดที่เขียนจะต้องผ่านการทดสอบโดยอัตโนมัติ Automated Testing เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง เช่น การทดสอบหน่วย (Unit Testing) และการทดสอบบูรณาการ (Integration Testing) ตัวอย่างของกระบวนการ DevOps:
    • เครื่องมือที่ใช้: Selenium, JUnit, TestNG
  • Integration & Build
    • กระบวนการรวมโค้ดจากนักพัฒนาหลายๆ คนและสร้างระบบซอฟต์แวร์โดยอัตโนมัติ เพื่อให้แน่ใจว่าโค้ดสามารถทำงานร่วมกันได้ Continuous Integration (CI)
    • เครื่องมือที่ใช้: Jenkins, CircleCI, Travis CI
  • Infrastructure as Code
    • การจัดการโครงสร้างพื้นฐานเช่นเซิร์ฟเวอร์หรือเครือข่ายจะถูกควบคุมด้วยโค้ด ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มขยายได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ
    • เครื่องมือที่ใช้: Terraform, Ansible, Chef, Puppet
  • Deployment
    • เมื่อนำซอฟต์แวร์ผ่านการทดสอบและพร้อมใช้งาน กระบวนการ Deploy จะถูกทำโดยอัตโนมัติไปยังสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น Dev, Test, Production
    • เครื่องมือที่ใช้: Docker, Kubernetes
  • Monitoring & Logging
    • ซอฟต์แวร์ที่ใช้งานแล้วจะถูกตรวจสอบเพื่อติดตามสถานะและประสิทธิภาพการทำงาน หากมีปัญหาเกิดขึ้นจะสามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
    • เครื่องมือที่ใช้: Prometheus, Grafana, ELK Stack (Elasticsearch, Logstash, Kibana)
  • Continuous Feedback & Improvement
    • เมื่อซอฟต์แวร์ถูกนำไปใช้งานแล้ว ต้องรวบรวมข้อมูลจากผู้ใช้งานและระบบเพื่อปรับปรุงซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง กระบวนการนี้เป็นการทำให้การพัฒนาและการนำไปใช้งานมีการหมุนเวียนอย่างสม่ำเสมอ

ประโยชน์ของ DevOps  

  1. การส่งมอบซอฟต์แวร์ที่รวดเร็วขึ้น (Faster Delivery) : DevOps ช่วยลดเวลาในการพัฒนาซอฟต์แวร์ตั้งแต่การเขียนโค้ดไปจนถึงการส่งมอบหรือ deploy ซอฟต์แวร์ เพราะมีการทำงานร่วมกันระหว่างทีมพัฒนาและทีมปฏิบัติการอย่างใกล้ชิด รวมถึงการใช้เครื่องมืออัตโนมัติในการทดสอบและ deploy ทำให้สามารถออกฟีเจอร์ใหม่ ๆ หรือการแก้ไขบั๊กได้อย่างรวดเร็ว
  2. การปรับปรุงคุณภาพของซอฟต์แวร์ (Improved Quality) : กระบวนการทดสอบอัตโนมัติ (Automated Testing) ทำให้สามารถตรวจพบข้อผิดพลาดได้เร็วกว่า ซึ่งช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง และการตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบหลังการ deploy อย่างสม่ำเสมอช่วยลดการหยุดทำงานของระบบและปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
  3. การปรับปรุงความเสถียรของระบบ (Increased System Stability) : ด้วยการใช้เครื่องมือและการตั้งค่าโครงสร้างพื้นฐานเป็นโค้ด (Infrastructure as Code – IaC) DevOps ทำให้ระบบสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงได้โดยมีความเสี่ยงน้อยลง ลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าที่ไม่เหมาะสม ทำให้ระบบที่ใช้งานจริงจะมีความเสถียรและมั่นคงมากขึ้น
  4. เพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกัน (Improved Collaboration) : DevOps ช่วยให้ทีมพัฒนาและทีมปฏิบัติการทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น เนื่องจากมีการรวมเครื่องมือและกระบวนการที่เชื่อมโยงกัน ลดช่องว่างการสื่อสารและความขัดแย้งระหว่างทีม
  5. การตอบสนองที่รวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลง (Faster Recovery and Adaptation) : หากเกิดปัญหาขึ้นในระบบ ทีมสามารถตอบสนองและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้เครื่องมืออัตโนมัติและการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังทำให้สามารถปรับเปลี่ยนหรือขยายระบบได้ทันทีตามความต้องการของธุรกิจ
  6. การเพิ่มประสิทธิภาพของทรัพยากร (Resource Optimization) : DevOps ช่วยให้การจัดการทรัพยากร เช่น เซิร์ฟเวอร์หรือโครงสร้างพื้นฐานมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการใช้เทคโนโลยีคลาวด์และการจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้วยโค้ด (IaC) ทำให้สามารถปรับขนาดระบบให้สอดคล้องกับความต้องการได้อย่างเหมาะสม
  7. การปรับปรุงนวัตกรรม (Fostering Innovation) : ด้วยการส่งมอบซอฟต์แวร์ที่เร็วและการทดสอบที่ง่ายขึ้น นักพัฒนาสามารถมุ่งเน้นไปที่การสร้างฟีเจอร์ใหม่ๆ และนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ตลาดได้มากขึ้น
  8. การลดต้นทุน (Cost Efficiency) : ด้วยกระบวนการอัตโนมัติและการทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพ DevOps ช่วยลดต้นทุนทั้งในด้านแรงงานและทรัพยากร เช่น การลดเวลาในการ deploy ซอฟต์แวร์ การลดข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในขั้นตอนต่างๆ รวมถึงการลดเวลาหยุดทำงานของระบบ (downtime)

 

โดยสรุปแล้ว DevOps ช่วยเพิ่มความคล่องตัว ความแม่นยำ และคุณภาพของการพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างมาก ซึ่งนำไปสู่ประสิทธิภาพที่สูงขึ้นในองค์กรและความพึงพอใจที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า

15 พ.ค. 2567
0
แชร์หน้านี้: