The Student PIRGs (The Student Public Interest Research Groups) ได้ทำการสำรวจระดับชาติในฤดูใบไม้ร่วงของปี 2019 เพื่อตอบคำถามดังข้างต้น
ในการสำรวจได้ถามนักศึกษาเกือบ 4,000 คน จาก 83 สถาบัน สิ่งที่พบหลัก คือ
1. นักศึกษาไม่ซื้อตำราเรียนที่ได้รับมอบหมาย ถึงแม้กังวลว่าจะมีผลต่อเกรด
66 เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาที่ถูกสำรวจทั้งหมด ไม่ซื้อหรือเช่าวัสดุที่ใช้ในหลักสูตรในบางเวลาของการเป็นนักศึกษาเพราะราคา และที่จำเพาะมากขึ้น 63 เปอร์เซ็นต์ไม่ซื้อตำราเรียน เปรียบเทียบกับการสำรวจในปี 2014 ซึ่งพบ 65 เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาไม่ซื้อหนังสือ
2. นักศึกษาไม่ซื้อรหัสการเข้าถึง (access codes) และยอมทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่เสร็จ
17 เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาที่ถูกสำรวจทั้งหมด ไม่ซื้อรหัสการเข้าถึง ถึงแม้ว่าจะมีเปอร์เซ็นต์ต่ำกว่าอย่างชัดเจนกว่าเปอร์เซ็นต์ที่ไม่ซื้อวัสดุชนิดอื่น แต่การไม่ซื้อรหัสการเข้าถึงมีผลโดยตรงต่อเกรด เพราะถ้าไม่มี password เพื่อเข้าถึงงานที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งต้องการรหัสการเข้าถึง นักศึกษาไม่สามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายได้
3. นักศึกษาไม่ซื้อวัสดุถึงแม้กังวลว่าจะมีผลต่อเกรดโดยตรง
เมื่อถามว่านักศึกษารู้สึกกังวลหรือไม่ว่าไม่ซื้อวัสดุที่ใช้ในหลักสูตรจะมีผลในเชิงลบต่อเกรด 90 เปอร์เซ็นต์ตอบว่ารู้สึกกังวลสำหรับตำราเรียนและ 92 เปอร์เซ็นต์รู้สึกกังวลสำหรับรหัสการเข้าถึง
4. ราคาตำราเรียนมีผลต่อความสามารถของนักศึกษาที่จะตอบสนองต่อความต้องการพื้นฐานและการจบการศึกษาตรงเวลา
– 22 เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาที่ถูกสำรวจทั้งหมดให้ความสำคัญกับรหัสการเข้าถึงมากกว่าวัสดุที่ใช้ในหลักสูตรรูปแบบอื่น ๆ
– 19 เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาที่ถูกสำรวจทั้งหมดตัดสินใจชั้นเรียนไหนที่จะเข้าเรียนขึ้นอยู่กับราคาของวัสดุที่ใช้ในหลักสูตร
– 7 เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาที่ถูกสำรวจทั้งหมดเลิกเรียนถ้าไม่สามารถจ่ายเพื่อวัสดุ
– 3 เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาที่ถูกสำรวจทั้งหมดสอบตกเนื่องจากไม่สามารถจ่ายสำหรับวัสดุที่ใช้ในการเรียน
ผลของราคาวัสดุที่ใช้ในหลักสูตรขยายไปยังนอกชั้นเรียน
– 25 เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาที่ถูกสำรวจทั้งหมดต้องทำงานพิเศษเพื่อจ่ายสำหรับวัสดุที่ใช้ในหลักสูตร
– 11 เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาที่ถูกสำรวจทั้งหมดไม่ซื้ออาหารเนื่องจากราคาวัสดุ
– 9 เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาที่ถูกสำรวจทั้งหมดไม่ได้จ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
5. นักศึกษาไม่ตระหนักในเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและการใช้โดยบริษัทเทคโนโลยีการศึกษา
ได้มีการถามนักศึกษาให้คะแนนความเข้าใจต่อสำนักพิมพ์และบริษัทเทคโนโลยีการศึกษาใช้ข้อมูลนักศึกษาจาก 1-10 โดย 10 คือเข้าใจดีมากและสามารถอธิบายแก่คนอื่น ๆ ผลคือนักศึกษาให้คะแนนด้วยค่าเฉลี่ยคือ 2 แสดงว่าไม่ค่อยเข้าใจว่ารายละเอียดของนักศึกษาถูกใช้โดยสำนักพิมพ์และบริษัทเทคโนโลยีการศึกษาอย่างไร
สรุปจากการสำรวจ
วัสดุที่ใช้ในหลักสูตรเป็นอุปสรรคทางการเงินต่อความสำเร็จของนักศึกษา ราคาที่สูงมีผลมากกว่าเกรดขยายไปถึงความสามารถของนักศึกษาในการตอบสนองต่อความต้องการพื้นฐาน การแก้ปัญหาโดยการใช้ตำราเรียนแบบเปิด (open textbooks) ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมากเพื่อรับประกันในเรื่องการประหยัด
คำแนะนำจากการสำรวจ
– สภานิติบัญญัติและสำนักงานการศึกษา ควรให้ทุนสำหรับโปรแกรมตำราเรียนแบบเปิดและฟรี และจำกัดการใช้รหัสการเข้าถึงและวัสดุเพื่อการค้าอื่น ๆ ที่มีผลต่อความสามารถในการจ่าย ความเสมอภาค และการเข้าถึงของนักศึกษา
– สถาบันอุดมศึกษาและระบบ ควรสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทุน, การพัฒนาและยอมรับทางอาชีพ เพื่อทำให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้เชี่ยวชาญในการนำตำราเรียนแบบเปิดไปใช้และส่งงานออกภายใต้การอนุญาตแบบเปิด
– คณะ ควรพิจารณานำตำราเรียนแบบเปิดไปใช้และคิดทบทวนก่อนให้รหัสการเข้าถึง ควรพิจารณาเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลนักศึกษา เมื่อมอบหมายวัสดุทางดิจิทัลหรือเครื่องมือ
– นักศึกษา ควรแต่ละคนสนับสนุนตำราเรียนแบบเปิด
– หน่วยงานและรัฐบาลนักศึกษา สามารถสนับสนุนที่ระดับท้องถิ่นในเรื่องนโยบาย ซึ่งสนับสนุนการนำตำราเรียนแบบเปิดมาใช้และคุ้มครองข้อมูลดิจิทัลของนักศึกษา
ที่มา: Cailyn Nagle and Kaitlyn Vitez (June 2020). Fixing the Broken Textbook Market: Second Edition. U.S. PIRG Education Fund. Retrieved June 20, 2022, from https://uspirg.org/sites/pirg/files/reports/Fixing-the-Broken-Textbook-Market_June-2020_v2.pdf