หน้าแรก คลังความรู้ คลังความรู้ นานาสาระน่ารู้ ผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขัน ประจำปี 2565 โดย IMD (2022 IMD World Competitiveness Ranking)
ผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขัน ประจำปี 2565 โดย IMD (2022 IMD World Competitiveness Ranking)
3 พ.ย. 2565
0
นานาสาระน่ารู้

ในปี 2565 IMD ได้จัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของ 63 ประเทศทั่วโลก และได้เผยแพร่ใน IMD World Competitiveness Yearbook 2022 โดยมีผลการจัดอันดับดังนี้

ตารางผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 5 อันดับแรกและประเทศไทย ปี 2564-2565 โดย IMD

                       ประเทศ  เดนมาร์ก สวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ สวีเดน ฮ่องกง ไทย
                           ปี 2565 2564 2565 2564 2565 2564 2565 2564 2565 2564 2565 2564
อันดับรวม 1 3 2 1 3 5 4 2 5 7 33 28
1. สมรรถนะทางเศรษฐกิจ 13 17 30 7 2 1 21 16 15 30 34 21
1.1 เศรษฐกิจในประเทศ 18 12 7 4 1 15 15 10 21 32 51 41
1.2 การค้าระหว่างประเทศ 13 10 12 15 1 1 27 17 4 2 37 21
1.3 การลงทุนระหว่างประเทศ 17 24 52 12 5 3 14 17 3 7 33 32
1.4 การจ้างงาน 25 22 27 15 3 18 42 30 39 40 4 3
1.5 ระดับราคา 41 42 59 58 54 57 39 41 63 63 31 37
2. ประสิทธิภาพของภาครัฐ 6 7 1 2 4 5 9 9 2 1 31 20
2.1 ฐานะการคลัง 4 5 3 1 6 12 9 7 2 9 29 14
2.2 นโยบายภาษี 57 56 12 12 11 8 55 58 2 2 7 4
2.3 กรอบการบริหารด้านสถาบัน 2 5 1 1 6 7 4 3 10 11 41 36
2.4 กฎหมายด้านธุรกิจ 3 2 7 10 2 3 4 4 1 1 38 30
2.5 กรอบการบริหารด้านสังคม 2 3 6 5 22 17 5 4 33 34 44 43
3. ประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ 1 1 4 5 9 9 2 2 7 3 30 21
3.1 ผลิตภาพและประสิทธิภาพ 1 1 2 4 9 14 4 3 6 9 47 40
3.2 ตลาดแรงงาน 11 14 5 6 12 4 4 5 20 8 13 10
3.3 การเงิน 7 7 1 1 11 13 3 6 5 3 27 24
3.4 การบริหารจัดการ 1 1 8 9 14 14 3 3 4 2 22 22
3.5 ทัศนคติและค่านิยม 3 6 14 13 12 9 2 4 16 8 25 20
4. โครงสร้างพื้นฐาน 2 3 1 1 12 11 3 2 14 16 44 43
4.1 สาธารณูปโภคพื้นฐาน 4 3 5 5 43 20 9 10 11 7 22 24
4.2 โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี 3 6 6 8 1 1 5 3 7 7 34 37
4.3 โครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ 10 11 4 3 16 17 7 7 23 23 38 38
4.4 สุขภาพและสิ่งแวดล้อม 4 4 1 3 25 25 2 1 18 21 51 49
4.5 การศึกษา 4 3 1 1 6 7 5 4 13 8 53 56

เดนมาร์กได้อันดับ 1 ในปีนี้ ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว 2 อันดับ รองลงมาคือ สวิตเซอร์แลนด์ มีอันดับลดลงจากปีที่แล้ว 1 อันดับ ถัดมาเป็นสิงคโปร์ ซึ่งปีนี้ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว 2 อันดับ อันดับ 4 คือ สวีเดน ตกลงมาจากปีที่แล้ว 2 อันดับ ส่วนอันดับ 5 คือ ฮ่องกง เลื่อนอันดับดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว 2 อันดับ ปีนี้ไทยได้อันดับ 33 ลดลงจากปีที่แล้ว 5 อันดับ ได้อันดับ 28 ในปีที่แล้ว

เดนมาร์กได้อันดับ 1 ในปีนี้ เลื่อนอันดับขึ้นกว่าปีก่อน 2 อันดับ เกิดจากการเลื่อนอันดับดีขึ้นของ 3 ปัจจัย จากทั้งหมด 4 ปัจจัย ได้แก่ 1. ปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจ เลื่อนอันดับขึ้น 4 อันดับ มีอันดับ 13 ในปีนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้หลายปีมีอันดับอยู่ในระดับปานกลาง 2. ปัจจัยประสิทธิภาพของภาครัฐ เลื่อนอันดับขึ้น 1 อันดับ มีอันดับ 6 ในปีนี้ 3. ปัจจัยโครงสร้างพื้นฐาน เลื่อนอันดับขึ้น 1 อันดับ เป็นอันดับ 2 ในปีนี้ ส่วนอีก 1 ปัจจัย คือ ปัจจัยประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ ได้อันดับ 1 ทั้งปีนี้และปีที่แล้ว การเลื่อนอันดับดีขึ้นของปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจเป็นหลักเกิดจากการเลื่อนอันดับดีขึ้นของปัจจัยย่อยการลงทุนระหว่างประเทศ จากทั้งหมด 5 ปัจจัยย่อย ถึง 7 อันดับ จากอันดับ 24 ในปีที่แล้ว เป็นอันดับ 17 ในปีนี้ ปัจจัยประสิทธิภาพของภาครัฐ เลื่อนอันดับขึ้น เนื่องจากการเลื่อนอันดับขึ้นของ 3 ปัจจัยย่อย จากทั้งหมด 5 ปัจจัยย่อย ได้แก่ ปัจจัยย่อยฐานะการคลัง ปัจจัยย่อยกรอบการบริหารด้านสถาบัน และปัจจัยย่อยกรอบการบริหารด้านสังคม โดยเฉพาะปัจจัยย่อยกรอบการบริหารด้านสถาบัน มีอันดับเลื่อนขึ้น 3 อันดับ จากอันดับ 5 ในปีที่แล้ว เป็นอันดับ 2 ในปีนี้ การเลื่อนอันดับดีขึ้นของปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานเกิดจากการเลื่อนอันดับดีขึ้นของ 2 ปัจจัยย่อย (มีทั้งหมด 5 ปัจจัยย่อย) ได้แก่ ปัจจัยย่อยโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี และปัจจัยย่อยโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะปัจจัยย่อยโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี เลื่อนอันดับขึ้น 3 อันดับ เป็นอันดับ 3 ในปีนี้ ส่วนปีที่แล้วได้อันดับ 6 ปัจจัยย่อยที่มีอันดับอยู่ในระดับต่ำ ได้แก่ ปัจจัยย่อยระดับราคาภายใต้ปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจ และปัจจัยย่อยนโยบายภาษีภายใต้ปัจจัยประสิทธิภาพของภาครัฐ มีอันดับ 42 ในปีที่แล้ว ส่วนปีนี้มีอันดับ 41 และมีอันดับ 56 ในปีที่แล้ว ส่วนปีนี้มีอันดับ 57 ตามลำดับ ทำให้ปัจจัยย่อยนโยบายภาษีมีอันดับต่ำสุดจากปัจจัยย่อยทั้งหมดทั้งปีนี้และปีที่แล้ว

สวิตเซอร์แลนด์ มีอันดับลดลงจากปีที่แล้ว 1 อันดับ เป็นอันดับ 2 ในปีนี้ เป็นผลมาจากการเลื่อนอันดับลงของปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจถึง 23 อันดับ จากอันดับ 7 ในปีที่แล้ว เป็นอันดับ 30 ในปีนี้ ซึ่งทำให้ในปีนี้มีอันดับอยู่ในระดับปานกลางเหมือนหลายปีที่ผ่านมา ส่วนอีก 3 ปัจจัย ได้แก่ 1. ปัจจัยประสิทธิภาพของภาครัฐ เลื่อนอันดับขึ้น 1 อันดับ มีอันดับ 1 ในปีนี้ 2. ปัจจัยประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ เลื่อนอันดับขึ้น 1 อันดับ เป็นอันดับ 4 ในปีนี้ 3. ปัจจัยโครงสร้างพื้นฐาน ครองอันดับ 1 ทั้งปีนี้และปีที่แล้ว ปัจจัยย่อยหลักที่ทำให้ปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจเลื่อนอันดับลง คือ ปัจจัยย่อยการลงทุนระหว่างประเทศ และปัจจัยย่อยการจ้างงาน ที่มีการเลื่อนอันดับลงถึง 40 และ 12 อันดับ จากอันดับ 12 และ 15 ในปีที่แล้ว เป็นอันดับ 52 และ 27 ในปีนี้ ตามลำดับ ทำให้ปัจจัยย่อยการลงทุนระหว่างประเทศมีอันดับต่ำในปีนี้ ภายใต้ปัจจัยเดียวกันปัจจัยย่อยระดับราคามีอันดับต่ำสุดจากปัจจัยย่อยทั้งหมดทั้งปีนี้และปีที่แล้ว ปีที่แล้วได้อันดับ 58 ในขณะที่ปีนี้ได้อันดับ 59

สิงคโปร์ ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว 2 อันดับ มีอันดับ 3 ในปีนี้ เนื่องมาจากการเลื่อนอันดับดีขึ้นของปัจจัยประสิทธิภาพของภาครัฐ 1 อันดับ จากอันดับ 5 ในปีที่แล้ว เป็นอันดับ 4 ในปีนี้ ส่วนอีก 3 ปัจจัยที่เหลือ คือ 1. ปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจ เลื่อนอันดับลง 1 อันดับ เป็นอันดับ 2 ในปีนี้ 2. ปัจจัยประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ มีอันดับ 9 ทั้งปีนี้และปีที่แล้ว 3. ปัจจัยโครงสร้างพื้นฐาน เลื่อนอันดับลง 1 อันดับ มีอันดับ 12 ในปีนี้ ปัจจัยย่อยที่สำคัญที่ทำให้ปัจจัยประสิทธิภาพของภาครัฐเลื่อนอันดับขึ้น คือ ปัจจัยย่อยฐานะการคลัง ที่เลื่อนอันดับขึ้น 6 อันดับ เป็นอันดับ 6 ในปีนี้ ปัจจัยย่อยที่มีอันดับต่ำสุดจากปัจจัยย่อยทั้งหมดทั้งปีนี้และปีที่แล้ว คือ ปัจจัยย่อยระดับราคาภายใต้ปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจ มีอันดับ 57 ในปีที่แล้ว ส่วนปีนี้มีอันดับ 54 ส่วนปัจจัยย่อยสาธารณูปโภคพื้นฐานภายใต้ปัจจัยโครงสร้างพื้นฐาน มีอันดับต่ำในปีนี้ อยู่ที่อันดับ 43

สวีเดน ตกลงมาจากปีที่แล้ว 2 อันดับ ได้อันดับ 4 ในปีนี้ เป็นผลมาจากการเลื่อนอันดับลงของปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจและปัจจัยโครงสร้างพื้นฐาน 5 และ 1 อันดับ จากอันดับ 16 และ 2 ในปีที่แล้ว เป็นอันดับ 21 และ 3 ในปีนี้ ตามลำดับ ทำให้ปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจยังคงครองอันดับในระดับปานกลางเหมือนหลายปีที่ผ่านมา ส่วนปัจจัยประสิทธิภาพของภาครัฐและปัจจัยประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ ยังคงครองอันดับ 9 และ 2 ทั้งในปีนี้และปีที่แล้ว ตามลำดับ ปัจจัยย่อยหลักที่ทำให้ปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจเลื่อนอันดับลง คือ ปัจจัยย่อยเศรษฐกิจในประเทศ และปัจจัยย่อยการจ้างงาน ที่เลื่อนอันดับลง 5 และถึง 12 อันดับ จากอันดับ 10 และ 30 ในปีที่แล้ว เป็นอันดับ 15 และ 42 ในปีนี้ ตามลำดับ ทำให้ปัจจัยย่อยการจ้างงานมีอันดับต่ำในปีนี้ ภายใต้ปัจจัยเดียวกันปัจจัยย่อยระดับราคามีอันดับต่ำทั้งในปีนี้และปีที่แล้ว ปีนี้มีอันดับ 39 ปีที่แล้วมีอันดับ 41 ปัจจัยย่อยที่มีอันดับต่ำสุดจากปัจจัยย่อยทั้งหมดทั้งปีนี้และปีที่แล้ว คือ ปัจจัยย่อยนโยบายภาษีภายใต้ปัจจัยประสิทธิภาพของภาครัฐ มีอันดับ 58 ในปีที่แล้ว ส่วนปีนี้มีอันดับ 55 ในขณะที่การเลื่อนอันดับลงของปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานเกิดจากการเลื่อนอันดับลงของ 3 ปัจจัยย่อยเล็กน้อย ได้แก่ ปัจจัยย่อยโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี ปัจจัยย่อยสุขภาพและสิ่งแวดล้อม และปัจจัยย่อยการศึกษา

ฮ่องกงได้อันดับ 5 ในปีนี้ เลื่อนอันดับดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว 2 อันดับ เกิดจากการเลื่อนอันดับดีขึ้นของ 2 ปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจ และปัจจัยโครงสร้างพื้นฐาน โดยปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจ เลื่อนอันดับขึ้น 15 อันดับ เป็นอันดับ 15 ในปีนี้ ซึ่งยังคงครองอันดับในระดับปานกลางเหมือน 2 ปีที่ผ่านมา ปัจจัยโครงสร้างพื้นฐาน มีอันดับดีขึ้น 2 อันดับ จากอันดับ 16 ในปีที่แล้ว เป็นอันดับ 14 ในปีนี้ ทำให้ในปีนี้ได้อันดับในระดับปานกลางเหมือนหลายปีที่ผ่านมา ส่วนอีก 2 ปัจจัยที่เหลือ คือ ปัจจัยประสิทธิภาพของภาครัฐ และปัจจัยประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ มีอันดับลดลง 1 และ 4 อันดับ ได้อันดับ 1 และ 3 ในปีที่แล้ว ส่วนปีนี้ได้อันดับ 2 และ 7 ตามลำดับ ปัจจัยย่อยหลักที่ทำให้ปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจเลื่อนอันดับขึ้น คือ ปัจจัยย่อยเศรษฐกิจในประเทศ ที่มีอันดับเลื่อนขึ้นถึง 11 อันดับ จากอันดับ 32 ในปีที่แล้ว เป็นอันดับ 21 ในปีนี้ การเลื่อนอันดับดีขึ้นของปัจจัยย่อยสุขภาพและสิ่งแวดล้อม 3 อันดับ จากอันดับ 21 ในปีที่แล้ว เป็นอันดับ 18 ในปีนี้ ส่งผลให้เกิดการเลื่อนอันดับขึ้นของปัจจัยโครงสร้างพื้นฐาน ปัจจัยย่อยที่มีอันดับอยู่ในระดับต่ำ ได้แก่ ปัจจัยย่อยการจ้างงาน และปัจจัยย่อยระดับราคา ทั้งสองอยู่ภายใต้ปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจ มีอันดับ 40 ในปีที่แล้ว ส่วนปีนี้มีอันดับ 39 และมีอันดับ 63 ทั้งในปีนี้และปีที่แล้ว ตามลำดับ ทำให้ปัจจัยย่อยระดับราคามีอันดับต่ำสุดจากปัจจัยย่อยทั้งหมดทั้งปีนี้และปีที่แล้ว

สำหรับไทยปีนี้ได้อันดับ 33 ลดลงจากปีที่แล้ว 5 อันดับ ได้อันดับ 28 ในปีที่แล้ว เป็นผลมาจากการเลื่อนอันดับลงของ 4 ปัจจัย ได้แก่ 1. ปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจ เลื่อนอันดับลง 13 อันดับ เป็นอันดับ 34 ในปีนี้ 2. ปัจจัยประสิทธิภาพของภาครัฐ เลื่อนอันดับลง 11 อันดับ มีอันดับ 31 ในปีนี้ 3. ปัจจัยประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ มีอันดับลดลง 9 อันดับ เป็นอันดับ 30 ในปีนี้ 4. ปัจจัยโครงสร้างพื้นฐาน มีอันดับเลื่อนลง 1 อันดับ มีอันดับ 44 ในปีนี้ ทำให้ปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานยังคงครองอันดับค่อนไปทางที่ไม่ดีไว้ในปีนี้เหมือนหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่ปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจยังคงรักษาอันดับดีปานกลางไว้ในปีนี้เหมือน 2 ปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้มีอันดับค่อนไปในทางที่ดี ส่วนปัจจัยประสิทธิภาพของภาครัฐและปัจจัยประสิทธิภาพของภาคธุรกิจยังคงรักษาอันดับดีปานกลางไว้ในปีนี้เหมือนที่ผ่านมาหลายปี การเลื่อนอันดับลงของปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจเกิดจากการเลื่อนอันดับลงของ 2 ปัจจัยย่อยเป็นหลัก คือ ปัจจัยย่อยเศรษฐกิจในประเทศ และปัจจัยย่อยการค้าระหว่างประเทศ ที่มีอันดับเลื่อนลงถึง 10 และ 16 อันดับ จากอันดับ 41 และ 21 ในปีที่แล้ว เป็นอันดับ 51 และ 37 ในปีนี้ ตามลำดับ ทำให้ปัจจัยย่อยเศรษฐกิจในประเทศมีอันดับค่อนไปทางที่ไม่ดีในปีที่แล้วและมีอันดับไม่ดีในปีนี้ และทำให้ปัจจัยย่อยการค้าระหว่างประเทศมีอันดับเลื่อนลงมากที่สุดในบรรดาปัจจัยย่อยทั้งหมด ปัจจัยย่อยหลักที่ทำให้ปัจจัยประสิทธิภาพของภาครัฐเลื่อนอันดับลง คือ ปัจจัยย่อยฐานะการคลัง ปัจจัยย่อยกรอบการบริหารด้านสถาบัน และปัจจัยย่อยกฎหมายด้านธุรกิจ ที่เลื่อนอันดับลงถึง 15, 5 และถึง 8 อันดับ เป็นอันดับ 29, 41 และ 38 ในปีนี้ ส่วนปีที่แล้วมีอันดับ 14, 36 และ 30 ตามลำดับ ทำให้ปัจจัยย่อยกรอบการบริหารด้านสถาบันมีอันดับค่อนไปทางที่ไม่ดีในปีนี้ ภายใต้ปัจจัยเดียวกันปัจจัยย่อยกรอบการบริหารด้านสังคมมีอันดับค่อนไปทางที่ไม่ดีทั้งในปีนี้และปีที่แล้ว ปีนี้มีอันดับ 44 ปีที่แล้วมีอันดับ 43 ปัจจัยย่อยที่สำคัญที่ทำให้ปัจจัยประสิทธิภาพของภาคธุรกิจเลื่อนอันดับลง คือ ปัจจัยย่อยผลิตภาพและประสิทธิภาพ และปัจจัยย่อยทัศนคติและค่านิยม ที่เลื่อนอันดับลงถึง 7 และ 5 อันดับ จากอันดับ 40 และ 20 ในปีที่แล้ว เป็นอันดับ 47 และ 25 ในปีนี้ ตามลำดับ ทำให้ปัจจัยย่อยผลิตภาพและประสิทธิภาพมีอันดับค่อนไปทางที่ไม่ดีทั้งในปีนี้และปีที่แล้ว การเลื่อนอันดับลงของปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานเกิดจากการเลื่อนอันดับลงของปัจจัยย่อยสุขภาพและสิ่งแวดล้อม 2 อันดับ จากอันดับ 49 ในปีที่แล้ว เป็นอันดับ 51 ในปีนี้ ทำให้ปัจจัยย่อยสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมีอันดับค่อนไปทางที่ไม่ดีในปีที่แล้วและมีอันดับไม่ดีในปีนี้ คงเป็นข่าวดีสำหรับปัจจัยย่อยการศึกษาซึ่งอยู่ภายใต้ปัจจัยเดียวกัน ที่ก่อนหน้านี้หลายปีมีอันดับต่ำสุดจากปัจจัยย่อยทั้งหมดมีอันดับเลื่อนขึ้น 3 อันดับ จากอันดับ 56 ในปีที่แล้ว เป็นอันดับ 53 ในปีนี้ ในบรรดาปัจจัยย่อยทั้งหมดปัจจัยย่อยระดับราคาภายใต้ปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจ มีอันดับเลื่อนขึ้นมากที่สุด โดยมีอันดับเลื่อนขึ้น 6 อันดับ จากอันดับ 37 ในปีที่แล้ว เป็นอันดับ 31 ในปีนี้ ปัจจัยย่อยที่มีอันดับดีมากทั้งปีนี้และปีที่แล้ว ได้แก่ 1. ปัจจัยย่อยการจ้างงานภายใต้ปัจจัยสมรรถนะทางเศรษฐกิจ มีอันดับ 3 ในปีที่แล้ว ส่วนปีนี้มีอันดับ 4 2. ปัจจัยย่อยนโยบายภาษีภายใต้ปัจจัยประสิทธิภาพของภาครัฐ มีอันดับ 4 ในปีที่แล้ว ในขณะที่ปีนี้มีอันดับ 7

สำหรับไทยต้องพัฒนาอีกหลายด้าน เนื่องจากในปีนี้ไทยมีอันดับลดลง 5 อันดับ โดยเฉพาะด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม และด้านการศึกษา ซึ่งทั้งสองด้านมีอันดับต่ำมากที่สุดเป็นอันดับ 2 และอันดับ 1 ตามลำดับ ทั้งปีนี้และปีที่แล้ว เพื่อให้ในปีหน้าไทยจะมีอันดับรวมดีขึ้นมาก

 

 

 

 

แชร์หน้านี้: