The Student PIRGs (The Student Public Interest Research Groups) ได้ทำการสำรวจในฤดูใบไม้ร่วงของปี 2015 โดยได้สอบถามนักศึกษาเกือบ 5,000 คน จาก 132 สถาบัน ใน 25 รัฐ สิ่งที่พบ คือ
1. จำนวนนักศึกษาที่สำคัญใช้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อซื้อตำราเรียนและวัสดุที่ใช้ในหลักสูตร
การสำรวจได้ถามนักศึกษาว่าได้ใช้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อจ่ายสำหรับตำราเรียนหรือไม่ จากในคำถามนี้ ความช่วยเหลือทางการเงินคือ เงินทุน (grants), ทุนการศึกษา (scholarships) หรือเงินกู้ยืม (loans) ไม่รวมเงินที่ได้จากพ่อแม่หรือครอบครัว
29.7 เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาตอบว่าใช้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อจ่ายสำหรับตำราเรียน ถ้าใช้กับผู้ลงทะเบียนเรียนระดับปริญญาตรีในสหรัฐอเมริกา หมายความว่ามากกว่านักศึกษา 5.2 ล้านคนใช้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อซื้อตำราเรียน
2. นักศึกษาใช้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อจ่ายส่วนใหญ่สำหรับตำราเรียน
จากข้อ 1 รู้ว่า 29.7 เปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาตอบว่าใช้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อจ่ายสำหรับตำราเรียน เป็นเรื่องน่าสนใจที่จะหาคำตอบว่านักศึกษาใช้ความช่วยเหลือทางการเงินมากน้อยแค่ไหน โดยถามนักศึกษาให้ตอบเป็นปริมาณการจ่ายสำหรับตำราเรียนของความช่วยเหลือทางการเงิน ทั้งในเรื่องเงินดอลลาร์ที่ใช้และเปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายสำหรับตำราเรียนทั้งหมดต่อภาคการศึกษา
สำหรับนักศึกษาซึ่งใช้ความช่วยเหลือทางการเงิน 70 เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายของตำราเรียนทั้งหมดพึ่งความช่วยเหลือทางการเงินโดยเฉลี่ย และใช้ความช่วยเหลือทางการเงินโดยเฉลี่ยมากกว่า 300 ดอลลาร์ต่อภาคการศึกษา เพื่อซื้อตำราเรียน
3. ราคาตำราเรียนที่สูงมีผลต่อนักศึกษาของวิทยาลัยชุมชน (community college)
เมื่อพิจารณาโดยชนิดของวิทยาลัย พบว่าเปอร์เซ็นต์ที่มากกว่าของนักศึกษาของวิทยาลัยชุมชนใช้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อซื้อตำราเรียน สำหรับนักศึกษาของวิทยาลัยชุมชนที่ใช้ความช่วยเหลือทางการเงิน 65 เปอร์เซ็นต์ พูดว่าใช้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อจ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายตำราเรียนทั้งหมด เปรียบเทียบกับเพียง 50 เปอร์เซ็นต์ ของโรงเรียน 4 ปี
และโดยเฉลี่ยนักศึกษาของวิทยาลัยชุมชนที่ใช้ความช่วยเหลือทางการเงินใช้ 347 ดอลลาร์ของความช่วยเหลือทางการเงินสำหรับจ่ายเพื่อตำราเรียน เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของ 290 ดอลลาร์ของโรงเรียนรัฐ 4 ปี
สรุปจากการสำราจ
ราคาตำราเรียนที่สูงต้องการผู้จัดทำนโยบายดำเนินการในทุกระดับเพื่อสนับสนุนทางเลือกใหม่แทนการตีพิมพ์ในระบบดั้งเดิม
มีการให้ความสนใจอย่างมากกับวัสดุที่ใช้ในการศึกษาที่ได้รับอนุญาตแบบเปิด โดยเฉพาะตำราเรียนแบบเปิด (open textbooks) เป็นทางเลือกของการตีพิมพ์แบบดั้งเดิม ในทางตรงข้ามโดยตรงกับสำนักพิมพ์แบบดั้งเดิม ซึ่งควบคุมอย่างเคร่งครัดทุกด้านของการเข้าถึงและการใช้ตำราเรียนและวัสดุ ตำราเรียนแบบเปิดมีให้ใช้ฟรีออนไลน์ ฟรีเพื่อการดาวน์โหลดและสามารถสั่งพิมพ์ด้วยค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง
The Student PIRGs เคยมีรายงานแสดงว่าตำราเรียนแบบเปิดทำให้นักศึกษาประหยัดเงินมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคทางสภาพแวดล้อมและนโยบายทำให้การพัฒนาและการนำไปใช้ทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดเป็นไปอย่างช้า
คำแนะนำจากการสำรวจ
– สถาบัน
เหมาะสมมากสำหรับการเป็นเจ้าของในการแก้ปัญหาราคาตำราเรียนที่สูง โดยห้องสมุดและเจ้าหน้าที่สนับสนุน สถาบันมีโครงสร้างพื้นฐานที่จะจัดให้มีการฝึกอบรมและการพัฒนาทางอาชีพสำหรับคณะเกี่ยวกับตำราเรียนแบบเปิด และมีทรัพยากรที่จะสนับสนุนคณะที่สนใจในการพัฒนา การปรับใช้ หรือสร้างวัสดุที่ใช้ในหลักสูตรที่ได้รับอนุญาตแบบเปิด
– คณะ ควร
1. สำรวจตำราเรียนแบบเปิดที่มีอยู่ผ่าน the Open Textbook Library (open.umn.edu/opentextbooks) หรือ OpenStax (openstaxcollege.org)
2. ทำให้เนื้อหาที่ได้รับอนุญาตแบบเปิดเข้าไปอยู่ในวัสดุที่ใช้ในหลักสูตร
3. พิจารณาตีพิมพ์วัสดุที่ได้รับการพัฒนาภายใต้การอนุญาตแบบเปิด
4. เป็นผู้แต่งตำราเรียนแบบเปิด
5. สนับสนุนการพัฒนาทางอาชีพเกี่ยวกับวัสดุที่ได้รับอนุญาตแบบเปิดสำหรับเพื่อนร่วมงานถึงผู้บริหารวิทยาเขต
6. สนับสนุน OER (Open educational resource) แก่คณะอื่น ๆ และสนับสนุนคณะอื่น ๆ เพื่อใช้ OER ในหลักสูตร
– ผู้จัดทำนโยบายและผู้บัญญัติกฎหมาย
ผู้จัดทำนโยบายสนับสนุนผู้มีผลประโยชน์ร่วมในการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในรัฐหรือเมืองเพื่อดำเนินการในเรื่องราคาตำราเรียนที่สูงและส่งออกโปรแกรมที่สนับสนุนการนำตำราเรียนแบบเปิดไปใช้ นอกจากนี้ผู้จัดทำนโยบายยังสามารถสนับสนุนความพยายามที่จะสร้างตลาดที่สมดุลโดยลงทุนในการสนับสนุนเกี่ยวกับโปรแกรมเพื่อคณะหรือสถาบันซึ่งกำลังเปลี่ยนไปเป็นตำราเรียนแบบเปิด
– นักศึกษา ควร
1. เข้าร่วมหรือสร้างหน่วยงานที่สนับสนุนเพื่อการแก้ปัญหาความสามารถในการจ่ายเพื่อตำราเรียนแบบสมาร์ท
2. บอกให้ผู้นำรัฐบาลนักศึกษาทำให้ผู้บริหารวิทยาเขตเข้าไปมีส่วนในนโบายสนับสนุนตำราเรียนแบบเปิดและทรัพยากรการศึกษาแบบเปิดในวิทยาเขต
3. พบกับอาจารย์เกี่ยวกับตำราเรียนแบบเปิดและทำให้อาจารย์รู้จักกับทรัพยากร เช่น the Open Textbook Library หรือ OpenStax
4. ทำให้บรรณารักษ์และเจ้าหน้าที่สนับสนุนเป็นแหล่งของผู้ชนะเลิศความรู้และการอนุญาตแบบเปิด
– สำนักพิมพ์ ควร
1. สนับสนุนการพัฒนาวัสดุที่ใช้ในหลักสูตรที่ได้รับอนุญาตแบบเปิดและการใช้ซึ่งส่งออกตำราเรียนที่มีราคาไม่แพงหรือฟรีให้นักศึกษา
2. จัดการปัญหาของนักศึกษาเกี่ยวกับรหัสการเข้าถึงและข้อจำกัดการใช้ที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ
3. ร่วมมือกับผู้ให้บริการตำราเรียนแบบเปิดเพื่อให้มีวัสดุเสริมราคาไม่แพง
ที่มา: Ethan Senack and Robert Donoghue (February 2016). Covering the cost: why we can no longer afford to ignore high textbook prices. The Student PIRGs. Retrieved June 21, 2022, from https://studentpirgs.org/2016/02/03/covering-cost/