หน้าแรก สวทช. หนุนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเสริมความเข้มแข็งให้ชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านหนองมัง
สวทช. หนุนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเสริมความเข้มแข็งให้ชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านหนองมัง
14 มิ.ย. 2561
0
ข่าวประชาสัมพันธ์

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) สนับสนุนการมีส่วนร่วมและเรียนรู้ของชุมชนบ้านหนองมัง ตำบลโนนกลาง อำเภอสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี

ผ่านการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีการ ปลูกพืชจาก สวทช. เกิดการรวมกลุ่มที่เข้มแข็ง ผลิตพืชผักอินทรีย์ที่มีคุณภาพ สร้างรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และส่งต่อความรู้สู่ชุมชนอื่นผ่านศูนย์เรียนรู้วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ตำบลโนนกลาง

 

นางสาววิราภรณ์ มงคลไชยสิทธิ์ รองผู้อำนวยการ สวทช. และผู้อำนวยการ สท. กล่าวว่า สวทช. เริ่มทำงานร่วมกับชุมชนบ้านหนองมังตั้งแต่ปี 2549 พัฒนาเป็นชุมชนหมู่บ้านวิทยาศาสตร์ โดยมุ่งให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ด้วยการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในวิถีการทำเกษตร นำความรู้และเทคโนโลยีการปลูกพืชที่เหมาะสมส่งเสริมให้ชุมชน พัฒนาเรียนรู้ร่วมกันระหว่างภูมิปัญญาท้องถิ่น  ในการปลูกพืชแบบดั้งเดิมและงานวิจัยด้านเทคโนโลยีเกษตรชุมชนเกิดกระบวนการเรียนรู้ แก้ไขปัญหา และพัฒนาการทำเกษตรอินทรีย์ที่ได้มาตรฐาน และสามารถเป็นต้นแบบสู่ชุมชนอื่นๆ

“เป็นเวลากว่า 10 ปี ที่ สวทช. ได้ทำงานในพื้นที่บ้านหนองมัง โดยนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตการทำเกษตร โดยเฉพาะเมื่อชุมชนมุ่งมั่นเปลี่ยนแนวทางการทำเกษตรจากเคมีสู่เกษตรอินทรีย์ ซึ่ง สวทช. ได้เติมเต็มความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ให้กับเกษตรกร พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมถ่ายทอดสู่เกษตรกร ได้แก โรงเรือนพลาสติกคัดเลือกแสง ที่ปัจจุบันมีมากถึง 29 หลัง การบริหารจัดการโรงเรือนทั้งเรื่องดิน น้ำ ปุ๋ย เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ การใช้สารชีวภัณฑ์เพื่อกำจัดแมลงศัตรูพืช ได้แก่ บิวเวอเรีย ไวรัสเอ็นพีวี ไส้เดือนฝอย การส่งเสริมการปลูกพืชหลังนา เช่น งา และถั่วเขียวสายพันธุ์ KUML#5 และการส่งเสริมพันธุ์ข้าวเหนียวธัญสิรินและมะเขือเทศพันธุ์สแนคสลิม

 

นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนการแปรรูปผลิตภัณฑ์เพิ่มรายได้ให้ชุมชน เช่น ไอศกรีมข้าวหอมมะลิแดง ตลอดจนการส่งเสริมสมาชิกในชุมชนให้เป็นผู้ประกอบการชุมชนสีเขียวด้วยการใช้กระบวนการสะเต็มศึกษาผสมผสานวัฒนธรรม ซึ่งกิจกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ที่ถ่ายทอดให้ชุมชนบ้านหนองมังทำให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาการทำเกษตรอินทรีย์ในชุมชน และที่สำคัญคือ การมีผู้นำชุมชนที่มีความมุ่งมั่นในวิถีทางการเกษตรอินทรีย์ และเปิดรับความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและประยุกต์ปรับใช้กับภูมิปัญญาท้องถิ่น ทำให้เกิดกลุ่มเกษตรกรที่เข้มแข็ง จนนำไปสู่การจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ตำบลโนนกลางด้วยการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มคุณภาพผลผลิต สร้างรายได้ และเพิ่มคุณภาพชีวิตให้สมาชิก ซึ่งผลผลิตอินทรีย์ของกลุ่มฯ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคทั้งในและนอกพื้นที่ และยังจัดส่งผลผลิตให้ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในกรุงเทพฯ อีกด้วย”รองผู้อำนวยการ สวทช. และผู้อำนวยการ สท. กล่าว

 

นายปิยะทัศน์ ทัศนิยม ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ตำบลโนนกลาง กล่าวว่า จากเดิมเกษตรกรในพื้นที่ทำเกษตรแบบเคมี ซึ่งมีต้นทุนการทำเกษตรที่สูงและยังส่งผลเสียต่อสุขภาพ จึงเริ่มปรับเปลี่ยนมาทำเกษตรอินทรีย์ โดยได้รับการสนับสนุนความรู้และเทคโนโลยีจาก สวทช. “จากช่วงปี 2540 ที่ตนเองได้เริ่มจัดตั้งกลุ่มเกษตรพอเพียง เป็นกลุ่มที่ทำกิจกรรมส่งเสริมให้สมาชิกทำการเกษตรแบบอินทรีย์ปลอดสารพิษ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการทำการเกษตร โดยได้ร่วมกันทำกองทุนปุ๋ย ทำปุ๋ยหมักและน้ำหมักจุลินทรีย์เพื่อใช้ในการเกษตรด้วยตนเอง และจัดประชุมให้ความรู้แก่สมาชิกอยู่เป็นประจำ จนมาถึงวันนี้กว่า 20 ปีที่ได้ขับเคลื่อนเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนบ้านหนองมัง ผนวกกับการเข้ามาของ สวทช. ในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ชุมชนแห่งนี้เกิดการขยายผลเป็นชุมชนเกษตรอินทรีย์ต้นแบบ ผลผลิตของกลุ่มมีคุณภาพและได้มาตรฐาน เกษตรกรมีสุขภาพแข็งแรง มีรายได้จากการปลูกผักที่มากขึ้น จากเดิมเกษตรกรที่ปลูกผักแบบไม่มีโรงเรือน มีรายได้เฉลี่ย 290,000 บาท/ครัวเรือน/ปี แต่หลังจากการปลูกผักในโรงเรือนแล้ว พบว่า มีรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 397,000/ครัวเรือน/ปี หรือคิดเป็นมูลค่าเพิ่มร้อยละ 36 ซึ่งโดยปกติรายได้จากการปลูกพืชผักในโรงเรือนอยู่ที่ 65,000 – 110,000 บาท/หลัง/ปี” นายปิยะทัศน์ กล่าว

14 มิ.ย. 2561
0
แชร์หน้านี้: