หน้าแรก จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.5 – สวทช. นำนักวิชาการชั้นนำจากเนเธอร์แลนด์ถ่ายทอดความรู้ “เทคโนโลยีเมล็ดพันธุ์” สู่ผู้ประกอบการไทย
จดหมายข่าว สวทช. ปี 3 ฉ.5 – สวทช. นำนักวิชาการชั้นนำจากเนเธอร์แลนด์ถ่ายทอดความรู้ “เทคโนโลยีเมล็ดพันธุ์” สู่ผู้ประกอบการไทย
10 ส.ค. 2560
0
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย

alt

alt

สวทช. นำนักวิชาการชั้นนำจากเนเธอร์แลนด์ถ่ายทอดความรู้

“เทคโนโลยีเมล็ดพันธุ์”สู่ผู้ประกอบการไทย

ณ โรงแรมแคนทารี่ฮิลล์ จังหวัดเชียงใหม่ : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร และโปรแกรมเมล็ดพันธุ์ คลัสเตอร์อาหารและเกษตร ร่วมกับสถานเอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดงานสัมมนาวิชาการและการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านเทคโนโลยีเมล็ดพันธุ์ โดยบริษัทภาคเอกชนให้ความสนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก

นางสาววิราภรณ์ มงคลไชยสิทธิ์ รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นต้นแบบความรู้และนวัต กรรมการเกษตรในหลายด้าน รวมถึงเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ โดยเป็นผู้ส่งออกเมล็ดพันธุ์อันดับ 1 ของโลก ขณะที่ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกเมล็ดพันธุ์อันดับ 9 ของโลก และอันดับ 2 ในเอเชีย จึงเป็นโอกาสอันดีที่ผู้เข้าร่วมงานสัมมนาในครั้งนี้จะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ความก้าวหน้าเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์และถอดบทเรียนจากความสำเร็จที่ทำให้เนเธอร์แลนด์ก้าวสู่การเป็นประเทศผู้ส่งออกเมล็ดพันธุ์อันดับ 1 ของโลก

 

 “การสัมมนาครั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานมาก โดยในวันแรกเป็นการบรรยายและแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกัน ทั้งในเรื่องโอกาสและความพร้อมของไทยในการเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์กับความต้องการอาหารในอนาคต สถานการณ์และเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ในเนเธอร์แลนด์ การใช้เทคโนโลยีโรงเรือนสำหรับการผลิตเมล็ดพันธุ์ รวมถึงกฎระเบียบการควบคุมคุณภาพเมล็ดพันธุ์ในเนเธอร์แลนด์ นอกจากนี้นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังได้ ร่วมนำเสนองานวิจัยเทคโนโลยีเมล็ดพันธุ์และกฎระเบียบการควบคุมคุณภาพเมล็ดพันธุ์ในไทยด้วย 

สำหรับในวันที่สองเป็นการฝึกภาคปฏิบัติและเรียนรู้การทดสอบเมล็ดพันธุ์เฉพาะ กลุ่มที่คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีนักวิชาการจาก Wageningen University & Research ให้ความรู้และคำแนะนำอย่างใกล้ชิด” รองผู้อำนวยการ สวทช. กล่าว

นายอิโด เวอร์ฮาเก้น ผู้อำนวยการสถาบัน Access to Seeds Foundation กล่าวว่า การที่เนเธอร์แลนด์เป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ของยุโรปและโลกนั้น เพราะมีระบบนิเวศเชิงพาณิชย์ที่สนับสนุนอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์จากทั้งภาครัฐและเอกชน มีความร่วมมือกันทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคธุรกิจ โดยใช้การค้าและการส่งออกเป็นเครื่องมือสนับสนุนการพัฒนาด้านการวิจัยและนวัตกรรม นอกจากนี้ด้วยรูปแบบบริษัทเมล็ดพันธุ์ผักของเนเธอร์แลนด์ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจครอบครัว จึงทำให้สามารถควบคุมทิศทางการทำธุรกิจได้ต่อเนื่องและส่งต่อธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่นได้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nstda.or.th/th/news/11308-20170703

 

10 ส.ค. 2560
0
แชร์หน้านี้: