หน้าแรก จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 4 ฉ.9 – ยกระดับ “หน่วยบ่มเพาะฯ – อุทยานวิทย์ฯ” ติดปีก “สตาร์ทอัพ”
จดหมายข่าว สวทช. ปีที่ 4 ฉ.9 – ยกระดับ “หน่วยบ่มเพาะฯ – อุทยานวิทย์ฯ” ติดปีก “สตาร์ทอัพ”
7 ธ.ค. 2561
0
จดหมายข่าว สวทช. ย่อย
บทความ

alt

ยกระดับ “หน่วยบ่มเพาะฯ – อุทยานวิทย์ฯ” ติดปีก “สตาร์ทอัพ”

อุทยานวิทยาศาสตร์ ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำคัญในการกระตุ้นให้เกิดการทำวิจัยและพัฒนาในภาคเอกชน ช่วยสร้างธุรกิจและเทคโนโลยีใหม่ ตลอดจนส่งเสริมการนำผลการวิจัยพัฒนาเข้าสู่ระบบการคุ้มครองและการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และการศึกษา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรม

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี แถลงข่าวความร่วมมือการพัฒนาศักยภาพการจัดการหน่วยบ่มเพาะธุรกิจ ภายใต้ชื่อ “โครงการยกระดับการบริหารจัดการหน่วยบ่มเพาะธุรกิจด้วย Maturity Model” ณ ห้องบุษบา โรงแรมแมนดาริน ถนนพระราม 4 (สามย่าน) กรุงเทพฯ โดยมีศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. และหน่วยบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี ภายใต้สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ (สอว.) 5 แห่ง ได้แก่ อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยพะเยา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นหน่วยนำร่อง โดยความร่วมมือครั้งนี้ ในอนาคตอันใกล้จะทดลองประยุกต์ใช้โมเดลดังกล่าวกับหน่วยบ่มเพาะธุรกิจไม่ต่ำกว่า 5 แห่งด้วย

นายเฉลิมพล ตู้จินดา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ (National Startup Committee: NSC) เกิดขึ้นจากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจของประเทศด้วยการพัฒนา “วิสาหกิจเริ่มต้น” ให้เป็นนักรบทางเศรษฐกิจใหม่ (New Economic Warrior: NEW) และกำหนดให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่เปิดสำหรับการเติบโตของอาเซียน โดยได้กำหนดแนวทางส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นของไทย ซึ่งมีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาวิสาหกิจเริ่มต้นให้ใช้ทรัพยากรของประเทศในการผลิตสินค้าและบริการ มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม การจ้างงานในท้องถิ่น และการกระจายรายได้สู่ภูมิภาค รวมทั้งก่อให้เกิดอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนประเทศ

ทั้งนี้หน่วยบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี (Technology Business Incubator) มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดการทำวิจัยและพัฒนาในภาคเอกชน ช่วยสร้างธุรกิจและเทคโนโลยีใหม่ ส่งเสริมการนำผลการวิจัยพัฒนาเข้าสู่ระบบการคุ้มครองและการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ พร้อมทั้งเสริมสร้างให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และการศึกษา เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรม ให้มีโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำคัญ

ดังนั้นคณะทำงานเพื่อส่งเสริมการบ่มเพาะวิสาหกิจเริ่มต้น ภายใต้คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ ซึ่งมีสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นประธาน มอบหมายให้ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. ดำเนินการรวบรวมติดตามผลการดำเนินการของหน่วยบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยีภายใต้อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค โดยศึกษาแนวปฏิบัติและกรณีศึกษาของนานาประเทศในรูปแบบต่างๆ เพื่อนำมาพัฒนารูปแบบและกระบวนการดำเนินงานของหน่วยบ่มเพาะธุรกิจฯ

ในวันนี้ถือเป็นการเริ่มต้นโครงการยกระดับการบริหารจัดการหน่วยบ่มเพาะธุรกิจ ด้วย Maturity Model” เพื่อพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการดำเนินงานของหน่วยบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยีอย่างเป็นระบบ และมีความสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายการส่งเสริมผู้ประกอบการที่ดำเนินการธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรม ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย

“ในอนาคตจะมีขั้นตอนและวิธีการยกระดับศักยภาพการบริหารจัดการหน่วยบ่มเพาะธุรกิจด้วย Maturity Model พร้อมด้วยข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการส่งเสริมกิจกรรมด้านการบ่มเพาะธุรกิจและอุทยานวิทยาศาสตร์ให้กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงและระดับโลกจากสถาบันครีดา (Creeda) ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการวางกลยุทธ์ของหน่วยบ่มเพาะธุรกิจและการพัฒนาบุคลากรระดับนานาชาติ จากประเทศออสเตรเลีย ที่มีประสบการณ์มานานกว่า 30 ปี มากกว่า 50 ประเทศ มาเป็นที่ปรึกษา พร้อมให้ข้อเสนอแนะและรูปแบบการทำงานเพื่อยกระดับการบริหารจัดการหน่วยบ่มเพาะธุรกิจและอุทยานวิทยาศาสตร์แต่ละแห่งอีกด้วย ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวทิ้งท้าย

นางสาวทิพวัลย์ เวชชการัณย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ (สอว.) กล่าวว่า สอว. มุ่งเน้นการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะในภูมิภาคเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐาน ส่งเสริมให้ภาคเอกชนลงทุนทำวิจัยและพัฒนา นำทรัพยากรของรัฐมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เชื่อมโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจของพื้นที่และสนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการฐานธุรกิจเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน โดยเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต

ปัจจุบัน สอว. สนับสนุนการดำเนินงานอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค 3 แห่ง ได้แก่ อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคใต้ ผ่าน 5 แผนงานหลัก ได้แก่ แผนงานพัฒนาบริการอุทยานวิทยาศาสตร์ แผนงานวิจัยร่วมกับภาคเอกชน แผนงานพัฒนาขีดความสามารถทางเทคโนโลยีและวิจัยของภาคเอกชนในพื้นที่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และแผนงานการบ่มเพาะธุรกิจวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) ซึ่งการดำเนินงานของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคทั้ง 3 แห่ง มีหน่วยงานในการดำเนินการบ่มเพาะธุรกิจ วทน. ทั้งสิ้น 14 หน่วยงาน โดยการดำเนินงานในแผนงานบ่มเพาะธุรกิจ วทน. เป็นการสนับสนุนและพัฒนาธุรกิจแบบหนึ่งให้แก่ผู้ประกอบการใหม่ที่ใช้ วทน. เป็นฐานในการสร้างผู้ประกอบการใหม่ฐานธุรกิจเทคโนโลยีอย่างเป็นระบบและครบวงจร เพื่อให้เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการใหม่ที่ผ่านกระบวนการสนับสนุนของอุทยานวิทยาศาสตร์นั้น จะสามารถลดค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในระยะแรก เช่น ค่าเช่าพื้นที่สำนักงาน ค่าใช้จ่ายในการเสริมศักยภาพทางธุรกิจและเทคโนโลยี รวมไปถึงการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้มีโอกาสรอดและเติบโตสูงเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพมีศักยภาพในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนมีการสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้การวิจัยและนวัตกรรม ดังนั้นในหลายประเทศจึงเลือกใช้อุทยานวิทยาศาสตร์เพื่อสนับสนุนและสร้างผู้ประกอบการใหม่ ซึ่งสามารถช่วยลดอัตราความล้มเหลวในช่วงแรกของการจัดตั้งธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและคงอยู่ตลอดไป รวมถึงบริษัทที่อยู่ระหว่างการดำเนินธุรกิจที่ต้องการให้ธุรกิจขยายตัวอย่างมีทิศทาง เป็นการสร้างงานและความมั่นคงให้กับสังคมและประเทศชาติ

สำหรับผลจากความร่วมมือในโครงการยกระดับการบริหารจัดการหน่วยบ่มเพาะธุรกิจด้วย Maturity Model นี้จะมีส่วนช่วยสร้างกระบวนการบ่มเพาะธุรกิจ วทน. ให้กับผู้ประกอบการที่ดำเนินการธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงการบริหารจัดการ การวางแผนและนโยบายเพื่อสนับสนุนส่งเสริมการบ่มเพาะธุรกิจ วทน. ได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ภายใต้การดำเนินงานของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ตลอดจนนำผลลัพธ์ที่ได้จากความร่วมมือในโครงการฯ ดังกล่าว มาปรับใช้เป็นแนวทางส่งเสริมการพัฒนาหน่วยบ่มเพาะธุรกิจ วทน. ของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคทั่วประเทศต่อไป

เรียบเรียงโดย อาทิตย์ ลมูลปลั่ง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวทช.

7 ธ.ค. 2561
0
แชร์หน้านี้: