หน้าแรก คลังความรู้ 30 ปี สวทช. งานวิจัย 30 ปี สวทช. จากอนุภาคนาโนสมุนไพรไทยสู่สูตรตํารับเวชสําอาง
จากอนุภาคนาโนสมุนไพรไทยสู่สูตรตํารับเวชสําอาง
11 มิ.ย. 2564
0
30 ปี สวทช.
งานวิจัย 30 ปี สวทช.
ผลงานวิจัยเด่น

จากอนุภาคนาโนสมุนไพรไทยสู่สูตรตำรับเวชสำอาง

ประเทศไทยมีความหลากหลายทางชีวภาพเป็นที่ยอมรับในระดับโลกพันธุ์พืชโดยเฉพาะสมุนไพรไทยเป็นที่ยอมรับถึงประสิทธิภาพของสารสำคัญที่มีความหลากหลายของฤทธิ์ทางชีวภาพ แต่ข้อจำกัดของการต่อยอดใช้ประโยชน์จากสมุนไพรนั้น อาจต้องอาศัยการวิจัยพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีหรือองค์ความรู้มาปิดช่องว่างเหล่านั้น

            สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ทีมวิจัยนาโนเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิตและเวชสำอาง กลุ่มวิจัยการห่อหุ้มระดับนาโน ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) จึงเดินหน้าใช้ความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการห่อหุ้มระดับนาโน (Nano-encapsulation) เพื่อกักเก็บและนำส่งสารสำคัญสำหรับการพัฒนาเป็นสูตรตำรับเครื่องสำอางและเวชสำอาง

            เทคโนโลยีการห่อหุ้มระดับนาโน (Nano-encapsulation) เป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มมูลค่าสารสกัดจากสมุนไพรด้วยนาโนเทคโนโลยี ทั้งในด้านการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ความคงตัว การนำส่งและการปลดปล่อยสารสำคัญ สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อการพัฒนาสารตั้งต้นในกระบวนการผลิตทดแทนวัตถุดิบตั้งต้นแบบเดิมและการพัฒนาสูตรตำรับต่าง ๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ

             งานวิจัยด้านเครื่องสำอางและเวชสำอางของนาโนเทค สวทช. นี้ มุ่งเน้นการใช้สารสำคัญประเภทสารสกัดจากสมุนไพรไทยที่มีฤทธิ์เหมาะสมกับการใช้งานเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลส่วนบุคคล เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ผิวกาย เส้นผม นอกจากนี้นาโนเทค สวทช. ยังมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เคมีในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม สารเคมีสำหรับไล่ยุง และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหยคุณสมบัติต่าง ๆ อีกด้วย

            สำหรับการพัฒนาระบบนำส่งในระดับนาโนเมตรหรือที่เรียกว่า “อนุภาคนาโน” โดยใช้เทคโนโลยีห่อหุ้มก็คือกระบวนการกักเก็บสารสำคัญไว้ภายในโครงสร้างทางเคมีเพื่อเพิ่มสมบัติพิเศษ เช่น เพิ่มความคงตัวทางกายภาพ ลดความเข้มของสี ลดกลิ่น ควบคุมการปลดปล่อยของสารสำคัญ เพิ่มการซึมผ่านของสารสำคัญและควบคุมอัตราการปลดปล่อยสารสำคัญ (Controlled release) ทำให้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและใช้ได้ในปริมาณที่น้อยลง

            ทั้งนี้การเลือกใช้รูปแบบเทคโนโลยีนั้นขึ้นกับสมบัติของสารที่ต้องการกักเก็บไว้ภายในอนุภาค เช่นเดียวกับต้นแบบนวัตกรรมที่น่าสนใจ อย่างเช่นเจลลดการอักเสบสิวจากบัวบก มังคุด และกานพลู ที่มาจากงานวิจัย “อนุภาคนาโนเพื่อการนำส่งบัวบก มังคุด กานพลูสำหรับผลิตภัณฑ์เวชสำอาง” ซึ่งพัฒนาอนุภาคนาโนเพื่อการนำส่งสารสกัดบัวบก สารสกัดเปลือกมังคุด และน้ำมัน กานพลู ซึ่งเป็นสารสกัดที่ได้จากธรรมชาติ อนุภาคนาโนที่พัฒนาขึ้นจะมีขนาดอยู่ในช่วง 100-200 นาโนเมตร ที่สามารถกักเก็บสารสำคัญได้หลากหลายรูปแบบและมีความคงตัวของอนุภาคที่ดี

            สารสกัดทั้งบัวบก เปลือกมังคุด และกานพลู มีสมบัติที่โดดเด่นทั้งทางชีวภาพและทางเภสัชศาสตร์ ลดการเกิดรอยดำ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้ใกล้เคียงกับยาไดโคลฟีแนก รวมถึงความสามารถในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังในกลุ่มของ Staphylococcus aureus และ Propio nibacterium acnes ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดสิว ดังนั้นอนุภาคนาโนเพื่อการนำส่งสารสมุนไพรที่พัฒนาขึ้นนี้ สามารถนำไปขึ้นรูปเป็นสูตรตำรับผลิตภัณฑ์ได้หลายรูปแบบเหมาะสำหรับการประยุกต์ใช้ในการเตรียมสูตรเภสัชภัณฑ์ใช้ภายนอกร่างกายเพื่อเพิ่มความสามารถในการซึมผ่านชั้นผิวหนังของอนุภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

            ผลงานวิจัยนี้ยื่นจดอนุสิทธิบัตรและต่อยอดสร้างต้นแบบเจลแต้มสิวและพร้อมให้เอกชนและผู้ที่สนใจรับถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ทีมนักวิจัยนาโนเทค สวทช. ยังร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) วิจัยและพัฒนา “ซีรัมบำรุงผิวหน้าเซริซิน”

            เนื่องจากโปรตีนกาวไหมเซริซินมีสมบัติด้านเวชสำอาง มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์อิลาสเทส ทำให้เกิดความชุ่มชื้นกับผิวพรรณเมื่อใช้เป็นวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง

            ทีมนักวิจัยฯ จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ซีรัมที่มีส่วนผสมสารสกัดจากไหมคุณภาพดี ด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในกระบวนการผลิต โดยพัฒนาสูตรตำรับซีรัมบำรุงผิวด้วยเทคโนโลยีการห่อหุ้มเซริซินด้วยลิโพโซม (Liposome) เพื่อกักเก็บสารสำคัญและเพิ่มสมบัติของสารออกฤทธิ์และช่วยการซึมซาบได้ดียิ่งขึ้น

            ส่วนผสมของอนุภาคห่อหุ้มเซริซินระดับนาโนที่ได้มีความคงตัวทางกายภาพและทางเคมี ทดสอบความคงตัวไม่มีการแยกชั้น และสามารถรักษาสภาพความคงตัวอยู่ได้นานถึงสองปี ผ่านการทดสอบการปนเปื้อนของจุลินทรีย์และประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ตามมาตรฐาน และผ่านการทดสอบการระคายเคืองในอาสาสมัครจำนวน 200 คน พบว่าไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง

            ปัจจุบันต้นแบบซีรัมบำรุงผิวชะลอวัยจากโปรตีนกาวไหมได้เปิดให้เอกชนและผู้ที่สนใจรับถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนให้ชุมชนกลุ่มผู้ทอผ้าไหมของประเทศได้มีโอกาสสร้างรายได้จากการเป็นผู้จัดเตรียมวัตถุดิบชั้นดีป้อนให้อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจต่อไป

            สำหรับใบหมี่และบัวบกซึ่งเป็นสมุนไพรธรรมชาติที่ใช้ทั่วไปในการผลิตแชมพูของภูมิปัญญาชาวบ้าน จากการศึกษาเบื้องต้นฤทธิ์ทางชีวภาพพบว่า สารสกัดใบหมี่มีความสามารถในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์รากผม ส่วนใบบัวบกมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบของผิวหนัง

            ทีมนักวิจัยนาโนเทค สวทช. ได้วิจัย “อนุภาคสารสกัดใบหมี่และบัวบกสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง” ขึ้น โดยการพัฒนาอนุภาคไลโปไนโอโซมของสารสกัดใบหมี่ บัวบก และใบหมี่ผสมบัวบก ด้วยการพัฒนาระบบห่อหุ้มที่ช่วยเพิ่มความคงตัวของสารสกัด พร้อมทั้งพัฒนาคุณสมบัติทางกายภาพเชิงเคมี เพื่อง่ายต่อการนำไปใช้ในการขึ้นสูตรตำรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและมีความปลอดภัย

            การพัฒนาอนุภาคไลโปไนโฮโซมของสารสกัดใบหมี่ บัวบก และใบหมี่ผสมบัวบก เป็นการหุ้มสารสกัดสมุนไพรด้วยอนุภาคนาโน ทำให้ความคงตัวเพิ่มสูงขึ้น ลดปัญหาสี กลิ่น การตกตะกอนที่ไม่ถูกใจผู้ใช้ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการกระตุ้นรากผม

            ซึ่งผลจากการทดสอบในระดับห้องปฏิบัติการกับเซลล์ผิวหนังและเซลล์รากผม พบว่ามีฤทธิ์ในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์รากผมได้ดีเทียบเท่ากับยารักษาอาการผมร่วงที่มีอยู่ในท้องตลาด และลดการอักเสบในเซลล์รากผม ที่สำคัญยังปลอดภัย ด้วยผลการทดสอบในหลอดทดลองกับเซลล์ผิวหนังและเซลล์รากผม รวมถึงผ่านการทดสอบการระคายเคืองและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ในอาสาสมัครเรียบร้อยแล้ว

            ปัจจุบันต้นแบบผลิตภัณฑ์แชมพู ครีมนวด และแฮร์โทนิกกระตุ้นการเจริญเติบโตรากผมจากใบหมี่ บัวบก อยู่ระหว่างเตรียมการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ภาคเอกชนและผู้ที่สนใจเพื่อต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ต่อไป

ดาวน์โหลดหนังสือฉบับเต็ม

แชร์หน้านี้: