บทความนำเสนอข้อมูลเกี่ยกับ สถานการณ์ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ตลาดของเครื่องวัดระดับน้ำตาล และตัวอย่างการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีของเครื่องวัดระบบน้ำตาลในเลือด
- แหล่งข้อมูลหลัก: ฐานข้อมูล Mintel https://www.mintel.com
- วันที่สืบค้นข้อมูล: 14 กันยายน พ.ศ. 2566
- คำค้น: glucose monitor, glucose meter, glucose strip test, diabetes test, blood glucose, glucose test strip
- ช่วงของข้อมูลที่สืบค้น: 2019-ปัจจุบัน
สถานการณ์ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานเป็นโรคที่ร่างกายไม่สามารถผลิตหรือใช้อินซูลินได้อย่างเหมาะสม ซึ่งอินซูลินเป็นฮอร์โมนจำเป็นในการเปลี่ยนน้ำตาล แป้ง และอาหารอื่นๆ ให้เป็นพลังงาน การพัฒนาโรคเบาหวานมีทั้งจากพันธุกรรมและจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น โรคอ้วนและการขาดการออกกำลังกาย
ระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มขึ้นที่เกิดจากโรคเบาหวานซึ่งเป็นผลจากการที่ร่างกายไม่สามารถประมวลผลคาร์โบไฮเดรตได้ ส่งผลต่อทุกส่วนของร่างกาย ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเป็นโรคไต โรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะแทรกซ้อนทางตา (ซึ่งอาจนำไปสู่การตาบอด) ภาวะแทรกซ้อนที่เท้า (ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดแขนขา) ภาวะแทรกซ้อนทางผิวหนัง และภาวะซึมเศร้า ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าผู้ที่ไม่เป็นโรคเบาหวานถึง 2 เท่า โดยรวมแล้วความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคเบาหวานมีประมาณ 2 เท่า ของผู้ที่ไม่มีโรคเบาหวานในวัยใกล้เคียงกัน อายุขัยของผู้ป่วยโรคเบาหวานโดยเฉลี่ยจะน้อยกว่าประชากรทั่วไปประมาณ 10 ถึง 15 ปี
ความชุกของโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น
- โดยสถานการณ์โรคเบาหวานทั่วโลกในปี 2021 มีผู้ป่วยจำนวน 537 ล้านคน และคาดว่าในปี 2030 จะมีผู้ป่วยเบาหวานเพิ่มขึ้นเป็น 643 ล้านคน และเพิ่มขึ้นไปถึง 783 ล้านคน ในปี 2045 ทั้งนี้โรคเบาหวานมีส่วนทำให้เสียชีวิต สูงถึง 6.7 ล้านคน หรือเสียชีวิต 1 ราย ในทุกๆ 5 วินาที
- จากรายงานสถิติสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทยพบอุบัติการณ์โรคเบาหวานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 3 แสนคนต่อปี โดยปี 2022 ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคเบาหวาน 3.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2021 จำนวน 1.5 แสนคน ในปี 2021 มีผู้เสียชีวิตจากโรคเบาหวาน 16,388 คน (อัตราตาย 25.1 ต่อประชากรแสนคน) ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขในการรักษาโรคเบาหวานเฉลี่ยสูงถึง 47,596 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้โรคเบาหวานยังคงเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases: NCDs) เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง และโรคไตวายเรื้อรัง
- Centers for Disease Control and Prevention (CDC) หรือ ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา ประมาณการว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานจะเพิ่มขึ้นจาก 11 ล้านคนเป็น 30 ล้านคน ระหว่างปี 2000-2050
จากรายงาน Nutrition watch: type-2 diabetes in SEA ใน Mintel (2020) มีความชุกของโรคเบาหวานประเภท 2 (type 2 diabetes) คือ ภาวะที่ร่างกายไม่สามารถตอบสนองต่ออินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาระของโรคเบาหวานกำลังเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีประชากรโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น
- ประเทศมาเลเซีย – ชาวมาเลเซียประมาณ 3.6 ล้านคน ได้รับผลกระทบจากโรคเบาหวาน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 7 ล้านคนในปี 2025 การเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั้นพบได้ในโรคเบาหวานประเภท 2 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการมีน้ำหนักเกินและการไม่ออกกำลังกาย
- ประเทศฟิลิปปินส์ – ชาวฟิลิปปินส์ประมาณ 6.3 ล้านคน ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 ประเทศฟิลิปปินส์อยู่ในอันดับที่ 5 รองจากประเทศจีน ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศญี่ปุ่น และประเทศไทย ในด้านจำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวาน ตามข้อมูลของสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation: IDF)
- ประเทศสิงคโปร์ – ชาวสิงคโปร์ 1 ใน 9 ที่มีอายุระหว่าง 18-69 ปี หรือผู้ใหญ่ประมาณ 450,000 คน เป็นโรคเบาหวาน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 670,000 คนภายในปี 2030 ประเทศสิงคโปร์มีการประกาศสงครามกับโรคเบาหวานในปี 2016 ด้วยความพยายามเชิงกลยุทธ์ระดับชาติเพื่อจัดการกับโรคเบาหวาน
- ประเทศไทย – 1 ใน 11 ของคนไทยป่วยด้วยโรคเบาหวาน และ 70% ของการเสียชีวิตในประเทศไทยมีสาเหตุจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases: NCDs)
โรคเบาหวานปัญหาระดับโลก และขนาดของตลาดของเครื่องวัดระดับน้ำตาล
เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดเรียกอีกอย่างว่า “glucometer” เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการวัดและแสดงระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานหรือภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำสามารถตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดที่บ้านได้ด้วยอุปกรณ์นี้ ดังนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานได้รับการตรวจติดตามอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดต้องเป็นไปตามข้อกำหนดความถูกต้องแม่นยำของ ISO
เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ continuous glucose monitoring devices หรือ อุปกรณ์ตรวจวัดกลูโคสอย่างต่อเนื่อง และ self-monitoring blood glucose devices หรือ อุปกรณ์ตรวจวัดน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง
ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักพกเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดติดตัว อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถวัดระดับน้ำตาลในเลือดได้ทันที ตลาดการวัดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นหนึ่งในตลาดการวินิจฉัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก (the largest diagnostics market in the world) ตามรายงานของ Fortune Business Insights ขนาดตลาดระบบตรวจวัดกลูโคสในเลือด (blood glucose monitoring system) ทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตจาก 17.03 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 เป็น 32.99 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่ 9.9% ระหว่างช่วงปีที่คาดการณ์
เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดจะมองหารูปแบบความแปรผันของระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของอาหาร ระดับกิจกรรม การใช้ยา หรือสภาวะทางพยาธิวิทยา เช่น โรคเบาหวาน ที่เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือด ระดับน้ำตาลในเลือดที่ผิดปกติอาจก่อให้เกิดโรคที่คุกคามถึงชีวิตได้ทันทีและระยะยาว เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดใช้ในการวัดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มระดับกลูโคสเนื่องจากสามารถอ่านค่าน้ำตาลในเลือดได้อย่างต่อเนื่องและแบบเรียลไทม์ ยังช่วยให้ผู้ป่วยตัดสินใจเกี่ยวกับปริมาณอินซูลินและการบริโภคอาหาร
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด ได้แก่
- ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การพัฒนาเทคโนโลยีในการติดตามและวินิจฉัยโรคเบาหวาน สามารถตรวจพบโรคเบาหวานได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ส่งผลให้ความต้องการเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มมากขึ้น
- ความชุกของโรคเบาหวานที่เพิ่มขึ้น ความชุกของโรคเบาหวานที่เพิ่มขึ้นจึงช่วยเพิ่มความต้องการอุปกรณ์วัดระดับน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะการตรวจวัดที่รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น
- การเพิ่มจำนวนประชากรสูงอายุ ตลาดกำลังเติบโตตามจำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) คาดการณ์ว่าจะมีผู้สูงอายุทั่วโลกประมาณ 2 พันล้านคนภายในปี 2050 จำนวนผู้สูงอายุที่เสี่ยงต่อโรคเบาหวานคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้น
- รายได้ต่อหัวและการใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้น
- การเคลื่อนไหวที่เพิ่มมากขึ้นของหน่วยงานด้านการดูแลสุขภาพและหน่วยงานของรัฐเพื่อควบคุมโรคเบาหวาน
- การเพิ่มเงินทุนภาครัฐและภาคเอกชนสำหรับโครงการวิจัยที่กำหนดเป้าหมายซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดการกับโรคเบาหวาน
- ความรู้และความตระหนักรู้ของสาธารณชนเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับโรคเบาหวานและการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ
- ความสนใจของผู้บริโภคต่อแนวทางเชิงป้องกันด้านสุขภาพ เมื่อผู้บริโภคเปลี่ยนความสนใจไปที่แนวทางเชิงป้องกันด้านสุขภาพ อุปกรณ์วัดระดับน้ำตาลในเลือดจึงไม่ได้มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่ยังขยายไปยังผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ เชื่อมโยงไปยังผลิตภัณฑ์อาหารที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดจะได้รับความนิยมมากขึ้นทั้งในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ที่ไม่เป็นโรคเบาหวาน
GlobeNewswire ระบุผู้เล่นหลักบางรายในอุตสาหกรรมเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด ได้แก่ Abbott Laboratories, Asensia Diabetes Care, Medtronic plc, Dexcom Inc., Hoffmann-La Roche Ltd., Sanofi, Insulet Corporation, Novo Nordisk, Glysens Incorporated, B. Braun และ Ypsomed Holdings
ในแง่ของช่องทางการจัดจำหน่ายเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด เนื่องจากการเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์วัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองเพิ่มมากขึ้น แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อจัดจำหน่ายเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดจึงเติบโตขึ้นอย่างมากและรวดเร็วเมื่อเทียบกับร้านค้าออฟไลน์ คาดการณ์ว่าในอนาคตแพลตฟอร์มออนไลน์จะสำคัญมากกว่าร้านค้าออฟไลน์
การพัฒนาล่าสุดของเทคโนโลยีเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด
ตัวอย่างการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีของเครื่องวัดระบบน้ำตาลในเลือด
- การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดมีอนาคตในด้านสุขภาพเชิงป้องกัน เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างต่อเนื่อง (Continuous Glucose Monitors: CGM) กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำหรับประชาชนในการติดตามสุขภาพของตนเอง ซึ่งสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงไปสู่โภชนาการส่วนบุคคล แม้ว่าเดิมที CGM จะใช้เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานติดตามระดับน้ำตาลในเลือดอย่างใกล้ชิด แต่เทคโนโลยีนี้กำลังถูกมองว่าเป็นเครื่องมือด้านสุขภาพเชิงป้องกันสำหรับผู้บริโภคเพื่อปรับปรุงสุขภาพของตนเอง ในสหรัฐอเมริกา บริษัทโภชนาการเฉพาะบุคคล ZOE ใช้ CGM เพื่อวิเคราะห์ว่าอาหารประเภทต่างๆ ส่งผลต่อการตอบสนองระดับน้ำตาลในเลือดของแต่ละบุคคลอย่างไร หรือ ตัวอย่าง แบรนด์ Signos, NutriSense และ Levels เสนอ CGM ให้กับผู้คนเพื่อติดตามระดับน้ำตาลในเลือดแบบเรียลไทม์ และกำหนดให้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มประสิทธิภาพด้านสุขภาพ แอปพลิคันใช้ข้อมูลจาก CGM เพื่อติดตามว่าอาหาร การนอนหลับ การออกกำลังกาย และความเครียดส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดของแต่ละบุคคลอย่างไร
- One Drop Chrome ระบบวัดน้ำตาลกลูโคสที่ใช้เทคโนโลยีบลูทูธเพื่อซิงค์ข้อมูลการวัดจากเครื่องวัดน้ำตาลกลูโคสกับแอปพลิเคชันของบริษัท เครื่องวัดน้ำตาลกลูโคส One Drop Chrome ออกแบบมาในกระเป๋าพกพาง่ายและสะดวก One Drop Premium เป็นบริการสมัครสมาชิกรายเดือน ซึ่งมาพร้อมแถบทดสอบไม่จำกัดที่จัดส่งตามความต้องการ และให้การเข้าถึงนักการศึกษาโรคเบาหวานที่ผ่านการรับรองตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ขณะที่แอปพลิเคชันที่ใช้งานร่วมกับเครื่องวัดนั้นอนุญาตให้ผู้ใช้บันทึกและวิเคราะห์การทดสอบกลูโคส บันทึกและวิเคราะห์การบริโภคอาหาร ติดตามกิจกรรมโดยใช้เครื่องนับก้าว หรือลิงก์ไปยังเครื่องมือติดตามกิจกรรมอื่นๆ และตั้งเวลาเตือนให้รับประทานยา โดยแอปพลิเคชันจะเปลี่ยนข้อมูลที่ป้อนให้เป็นข้อมูลเชิงลึกเพื่อให้ผู้บริโภคดำเนินการต่อไป อุปกรณ์ One Drop Chrome ช่วยลดความจำเป็นในการไปพบแพทย์ผู้ดูแลหลัก และมอบการดูแลให้กับผู้บริโภคมากขึ้น
- 23andMe เปิดตัวการทดสอบทางพันธุกรรมใหม่เพื่อทำนายโอกาสในการเกิดโรคเบาหวานประเภท 2 การทดสอบโรคเบาหวานประเภท 2 ของ 23andMe จะจัดผู้ใช้ให้อยู่ในหนึ่งในสองประเภท คือ “โอกาสโดยทั่วไป” หรือ “โอกาสที่เพิ่มขึ้น” “โอกาสที่เพิ่มขึ้น” หมายถึงความเสี่ยงที่สูงขึ้นในการเกิดโรคเนื่องจากประวัติทางพันธุกรรม (ตรงข้ามกับปัจจัยในการดำเนินชีวิต) แม้ว่า 23andMe จะไม่ให้การวินิจฉัยอย่างเป็นทางการหรือคำแนะนำทางการแพทย์เฉพาะบุคคล แต่รายงานภาวะสุขภาพจะรวมข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงในการดำเนินชีวิตที่ลดลงของโรคเบาหวานประเภท 2
- การใช้ไบโอเซนเซอร์ Libre Sense ของ Abbott ทำให้อุปกรณ์และแอปพลิเคชันสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือดได้แบบเรียลไทม์
- Rick Miller, RD. Associate Director Specialised Nutrition ให้เหตุผลว่าแบรนด์ต่างๆ ต้องเปลี่ยนจาก ตัวชี้วัดทางชีวภาพย้อนหลัง (เช่น การตรวจเลือด) มาเป็น แบบเรียลไทม์ (เช่น การตรวจติดตามระดับน้ำตาลในเลือดอย่างต่อเนื่อง continuous blood glucose monitoring) เทคโนโลยีต่างๆ เช่น การทดสอบสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายในลมหายใจ ได้ให้นิยามใหม่ของการวิเคราะห์ตัวชี้วัดทางชีวภาพแบบคลาสสิกแล้ว ประการที่สอง เช่นเดียวกับการติดตามกิจกรรม (เช่น Fitbit) นักนวัตกรรมจะต้องรวมการรวบรวมข้อมูลเข้ากับกิจกรรมในชีวิตประจำวัน Miller ให้เหตุผลเพิ่มเติมว่าการบูรณาการข้อมูลขนาดใหญ่จะช่วยปรับปรุงคำแนะนำด้านสุขภาพ
- ความสนใจของผู้บริโภคต่อเทคโนโลยีที่สวมใส่ได้เพื่อวัดระดับน้ำตาลในเลือด
- มีความสนใจของผู้บริโภคต่อเทคโนโลยีที่สวมใส่ได้เพื่อวัดระดับน้ำตาลในเลือดของตน
- Veri ใช้เซ็นเซอร์แบบสวมใส่ได้ เพื่อวิเคราะห์ระดับน้ำตาลในเลือด Veri นำเสนอเครื่องติดตามระดับน้ำตาลในเลือดที่สวมใส่ได้และแอปพลิเคชันที่ให้มาซึ่งให้ข้อเสนอแนะแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารของผู้ใช้งาน นอกจากนี้ยังนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเฉพาะบุคคลที่สร้างขึ้นจากการวิเคราะห์ระดับน้ำตาลในเลือดระหว่างออกกำลังกายและการนอนหลับ ช่วยให้ผู้บริโภคเห็นว่าร่างกายตอบสนองต่ออาหารประเภทต่างๆ อย่างไร ช่วยจัดการน้ำหนัก รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ และรู้สึกมีพลังมากขึ้น ทำนองเดียวกับ แอปพลิเคชันติดตามสุขภาพของ Fitbit อนุญาตให้ติดตามระดับน้ำตาลในเลือด และ Apple กำลังสำรวจเซ็นเซอร์วัดระดับน้ำตาลในเลือด ใน Apple Watch ในอนาคต
- อุปกรณ์สวมใส่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากกว่าการติดตามการออกกำลังกาย และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีที่บันทึกการวัดผลด้านสุขภาพ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ และระดับออกซิเจนในเลือด ผู้บริโภคกำลังมองหาอุปกรณ์ที่บันทึกการวัดผลด้านสุขภาพอื่นๆ ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเป็นอยู่ที่ดีของตน พร้อมความสะดวกสบายจากอุปกรณ์เพียงเครื่องเดียว ด้วยเหตุนี้ แบรนด์ต่างๆ จึงต้องช่วยผู้บริโภคตีความข้อมูลนี้ และสามารถทำให้การดูแลสุขภาพเข้าถึงได้มากขึ้นด้วยการให้คำแนะนำและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพของผู้ใช้เพียงปลายนิ้วสัมผัส การแพร่ระบาดของ COVID-19 เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีเป็นอันดับแรก และผู้บริโภคจะคาดหวังนวัตกรรมเพิ่มเติมจากอุปกรณ์สวมใส่เพื่อให้มีมุมมองด้านสุขภาพแบบองค์รวมมากขึ้น
- ด้วยความปรารถนาที่จะเข้าใจร่างกายของตนเองมากขึ้นและช่วยในการจัดการสุขภาพของตนเอง ผู้บริโภคจึงหันมาใช้เทคโนโลยี เช่น อุปกรณ์สวมใส่ได้ สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้คนสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงในร่างกายและนิสัยของตนได้ง่าย แบรนด์ต่างๆ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เน้นเรื่องการออกกำลังกาย การนอนหลับ และสามารถติดตามสุขภาพด้านอื่นๆ ได้มากมาย เช่น น้ำตาลในเลือดหรืออัตราการเต้นของหัวใจ การเข้าถึงข้อมูล การวิเคราะห์ และคำแนะนำนี้ ผู้บริโภคสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการรับประทานอาหาร การนอนหลับ และการออกกำลังกาย ทำให้เทคโนโลยีด้านสุขภาพมีความน่าสนใจ ด้วยเหตุนี้ จึงเริ่มเห็นอุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพเปลี่ยนจากกลุ่มเฉพาะไปสู่กระแสหลัก Wellbeing Driver สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มความสนใจในเทคโนโลยีด้านสุขภาพและอุปกรณ์สวมใส่ ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับร่างกายของตนเอง และคำแนะนำที่ตรงไปตรงมาว่าควรทำอย่างไร ด้วยเหตุนี้ วิธีที่ผู้บริโภคมองโภชนาการ การนอนหลับ และการออกกำลังกายจะเปลี่ยนไป โดยอิงจากข้อมูลและการวิเคราะห์มากกว่าการคาดเดา
จากรายงาน The Future of Vitamins, Minerals and Supplements: 2023 คาดการณ์ว่า ในอีกสองปีข้างหน้า การติดตามสุขภาพของไมโครไบโอมในลำไส้และระดับน้ำตาลในเลือดจะเป็นประเด็นสำคัญสำหรับโภชนาการเฉพาะบุคคลตามหลักวิทยาศาสตร์ การจัดส่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ให้โภชนาการที่ตรงเป้าหมายสำหรับช่วงวัยที่แตกต่างกัน และการจัดการกับสาเหตุของความกังวลเรื่องสุขภาพผ่านอาหารเสริมที่สนับสนุนฮอร์โมน น้ำตาลในเลือด และไมโครไบโอมในลำไส้ จะกำหนดโภชนาการส่วนบุคคลในทศวรรษหน้า
สำนักงานมาตรฐานอาหารแห่งสหราชอาณาจักร (Food Standards Agency: FSA) รายงานว่า จนถึงปี 2017 การวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างต่อเนื่องยังจำกัดอยู่เฉพาะในตลาดโรคเบาหวาน อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทสตาร์ทอัพอย่าง Lumen, Levels และ Supersapiens ได้เปิดตัวอุปกรณ์วัดระดับน้ำตาลในเลือดโดยมุ่งเป้าไปที่ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพโดยทั่วไปมากกว่าผู้ป่วยโรคเบาหวาน เช่น Supersapiens ที่มุ่งเป้าไปที่นักกีฬาด้วยเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดหรือระบบติดตามผ่านแอพ โดยอ้างว่าช่วยให้นักกีฬาบรรลุศักยภาพของตนเองโดยหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ เช่น ความเหนื่อยล้า สะท้อนถึงโอกาสการขยายตัวของตลาดอุปกรณ์วัดระดับน้ำตาลในเลือดจากโรคเบาหวานไปสู่ผู้บริโภคกลุ่มอื่นที่ใส่ใจสุขภาพโดยทั่วไป เช่น นักกีฬา ไม่เฉพาะผู้บริโภคกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน ประกอบกับปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดที่กล่าวถึงในข้างต้น เช่น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ความชุกของโรคเบาหวานที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มจำนวนประชากรสูงอายุ รายได้ต่อหัวและการใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้น และความสนใจของผู้บริโภคต่อแนวทางเชิงป้องกันด้านสุขภาพ สะท้อนให้เห็นถึงอนาคตที่น่าจับตามองสำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรมนี้
อ้างอิง:
กรมควบคุมโรค. (12 พฤศจิกายน 2564). กรมควบคุมโรค รณรงค์วันเบาหวานโลก ปี 2564 ตระหนักถึงการดูแลรักษาโรคเบาหวาน ให้ได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง. https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=21692&deptcode=brc
Forsyth, J. (2022, February 28). Food innovators face a new era of mass personalisation. Mintel. https://clients.mintel.com/content/trend/food-innovators-face-a-new-era-of-mass-personalisation-1
Fortune Business Insights. (2023, May). Blood glucose monitoring market. https://www.fortunebusinessinsights.com/industry-reports/blood-glucose-monitoring-market-100648
GlobeNewswire. (2023, March 7). Blood glucose meters market predicted to garner USD 22.6 billion by 2032, at CAGR 8.7% | Market.us. https://www.globenewswire.com/en/news-release/2023/03/07/2622373/0/en/Blood-Glucose-Meters-Market-Predicted-to-Garner-USD-22-6-Billion-By-2032-At-CAGR-8-7-Market-us.html
Mattucci, S. (2022, February 22). Nutrition watch: blood sugar control. Mintel. https://clients.mintel.com/content/insight/nutrition-watch-blood-sugar-control
Mintel. (2022, January 4). Smart ring. https://reports.mintel.com/trends/#/observation/1117961?fromSearch=%3Ffreetext%3D%2522Blood%2520Glucose%2522
Mintel. (2021, October 19). Understand your body. https://reports.mintel.com/trends/#/observation/1106387?fromSearch=%3Ffreetext%3D%2522Blood%2520Glucose%2522
Schofield, E. (2023, June 7). The future of vitamins, minerals and supplements: 2023. Mintel. https://clients.mintel.com/content/report/the-future-of-vitamins-minerals-and-supplements-2023
Teodoro, Michelle. (2020, March 4). Nutrition watch: type-2 diabetes in SEA. Mintel. https://clients.mintel.com/content/insight/nutrition-watch-type-2-diabetes-in-sea
Trouwborst, I., Gijbels, A., Jardon, K.M., Siebelink, E., Hul, G.B., Wanders, L., Erdos, B., Peter, S., Singh-Povel, C., de Vogel-van den Bosch, J., Adriaens, M., Arts, I., Thijssen, D., Feskens, E., Goossens, G., Afman, L., Blaak, E. (2023). Cardiometabolic health improvements upon dietary intervention are driven by tissue-specific insulin resistance phenotype: A precision nutrition trial. Cell Metabolism, 35 (1), pp. 71-83.e5. doi: 10.1016/j.cmet.2022.12.002